เปิดตำนาน “The White Death” สไนเปอร์เบอร์ 1 ของโลก
Source : https://lh3.googleusercontent.com/Ovq4jRig6Jd4Qg_iGX1T1Mewi3fvO_n3weubO3BZwXCshhSRvk5R91RnjUzXw7WktnnZKrA=s138
มัจจุราชสีา (The White Death) เขาผู้นี้คือ สุดยอดพลซุ่มยิงของประเทศฟินแลนด์ มีคนเคยกล่าวไว้ว่าเขาสามารถกำจัดศัตรูทั้งกองพันได้ด้วยตัวคนเดียว ฝีมือเก่งกาจถึงขั้นถูกยกให้เป็นสไนเปอร์อันดับหนึ่งของโลก การได้มาซึ่งตำแหน่งนี้แน่นอนว่าความสามารถจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ชายผู้นี้จะสร้างวีรกรรมอะไรไว้ ฝีมือของเขาจะเทพขนาดไหน และทำไมเขาจึงได้รับฉายา The White Death วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟัง…
Source : https://bit.ly/3DtfioG
The white death หรือชื่อจริงๆของเขาคือ ซิโม ไฮฮา เกิดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ.1905 ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในฟินแลนด์ ใกล้กับแนวชายแดนรัสเซีย ก่อนจะเข้ามาเป็นทหาร ไฮฮาประกอบอาชีพเกษตรกรรม และชื่นชอบการล่าสัตว์ปก เมื่อเขาอายุได้ 20 ปี ไฮฮาได้เข้าร่วมกองทัพฟินแลนด์ เขาผ่านการฝึกต่างๆ และแสดงฝีมือโดดเด่นด้านการยิงปืนในการแข่งขันยิงปืนของหน่วย ไฮฮาจึงถูกบรรจุในตำแหน่งพลซุ่มยิงและเข้ารับการฝึกเพิ่มเติมในตำแหน่งนี้ โดยปืนที่เขาใช้ในสมัยนั้นคือปืนไรเฟิล Mosin Nagant M28 ซึ่งเป็นปืนที่ทำงานแบบ Bolt Action คือยิงทีละนัดและเมื่อยิงแล้วต้องชักลูกเลื่อนกลับมา ใส่กระสุน ดันลูเล่นขาป แล้วถึงจะยิงนัดต่อไปได้ แต่ด้วยการฝึกฝนตนเองที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่อง ไฮฮาสามารถยิงได้ด้วยความเร็ว 16นัดต่อนาที และเข้าเป้าทุกนัด! ที่ระยะ 500 ฟุต หากลองคำนวณดูแล้วเขายิงอย่างแม่นยำโดยใช้เวลานัดละไม่ถึง 4 วินาทีเลยทีเดียว! มันแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับปืนในระบบ Bolt Action
Source : https://bit.ly/3wWqiYVh
ในปี 1939 สหภาพโซเวียตบุกรุกฟินแลนด์โดยต้องการจะยึดพื้นที่ชายแดนของประเทศฟินแลนด์เพื่อตั้งฐานต่อสู้กับเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่สอง ในการรบครั้งนั้นโซเวียตได้ส่งกองกำลังที่มีชื่อว่า The Red Army เข้ามาซึ่งมีกำลังพลมากกว่าล้านคน ซึ่งประเทศเล็กๆอย่างฟินแลนด์มีจำนวนคนน้อยกว่ามก แต่ด้วยความชำนาญในพื้นที่ของตนทำให้ฟินแลนด์สามารถต่อสู้กับโซเวียตได้ โดยภูมิประเทศในฟินแลนด์มีหิมะตกหนักและปกคลุมหนา อุณหภูมิที่ต่ำถึง -40 องศา การแต่งกายของทหารฟินแลนด์จึงเป็นชุดพรางลายหิมะที่หนา และกันความเย็นซึ่งไฮฮาก็สวมชุดนี้เช่นกัน
Source : https://bit.ly/3cmSnza
เขานอนลงประจำจุดของเขา ปกปิดอาวุธและสัมภาระด้วยหิมะ เขาอมหิมะไว้ในปากเพื่อไม่ให้มีไอออกมาเวลาหายใจซึ่งมันอาจบดบังเป้าหมายของเขาได้ ไฮฮาเลือกที่จะใช้ศูนย์เล็งดั้งเดิมของปืน แทนที่จะใช้กล้องสโคป ด้วยเหตุผลที่ว่าหากใช้สโคปเวลาเล็งจะต้องยกหัวสูงขึ้นมามากทำใ้ไม่ปลอดภัย ละลน์ขงสคมกะสะท้อนแสงอาทิตย์อาจจะเปิดเผยที่ตั้งได้
Source : https://bit.ly/3DrGpjJ
ด้วยฝีมือการยิงปืนของเขาทำให้เขาสามารถเก็บศัตรูได้เฉลี่ยวันละ 5ศพ บางวันสถิติของเขาสูงถึง 25 ศพ เลยทีเดียว ประกอบกับชุดพราสีหิะแะกากำบงซ่นพรงอ่ามิชิดของเขา ทำให้ศัตรูตายอย่างไม่รู้ตัว และไม่รู้ที่มาของกระสุนด้วย เรียกได้ว่าได้ยินแค่เสียงรู้ตัวอีกทีก็ลงไปนอนกองกับพื้นซะแล้ว วีรกรรมที่เขาทำสร้างความหวาดกลัวอย่างมากในหมู่ศัตรูถึงขั้นตั้งฉายาให้เขาว่า The White Death หรือ มัจจุราชสีขาวนั่นเอง
Source : https://bit.ly/3FrEOLg
เมื่อส่งทหารเข้าไปกี่คนก็ตายเรียบ ทหารโซเวียตก็เริ่มขวัญกำลังใจต่ำ กองทัพโซเวียตเริ่มมองเห็นปัญหานี้จึงได้ตั้งค่าหัวของไฮฮาไว้หวังว่าทหารจะมีกำลังใจและแรงกระตุ้นในการจัดการกับไฮฮา แต่ก็ไม่มีใครมาเก็บค่าหัวนี้ไปได้ โซเวียตลองส่งสไนเปอร์มือดีหลายคนมาจัดการกับไฮฮา แต่ก็โดนเขาจัดการหมดอยู่ดี คร้งหน่งโซวียตคยสงทหรมานึ่งกองร้อยเพื่อมาจัดการกับไฮฮาโดยเฉพาะ แต่ก็โดนเขาเก็บเรียบเช่นเคย โซเวียตเริ่มจนปัญญาถึงขั้น ยิงปืนใหญ่แตกอากาศ คือปืนใหญ่ที่เมื่อยิงไปแล้วกระสุนจะไประเบิดเหนือพื้นดินสูงประมาณ 100 เมตร แล้วสาดสะเก็ดลงมาทั่วบริเวณด้านล่าง โซเวียตยิงกระสุนชนิดนี้แบบสุ่มๆ โดยหวังว่าจะไปโดนไฮฮาเข้าสักนัดแต่ก็ไม่สามารถกำจัดเขาได้อีกตามเคย ลอดการบในสครามฤูหนา ไฮฮาามารสังหารทหารโซเวียตด้วย Mosin Nagant M28 ได้มากถึง 542 ศพ นอกจากนั้นเขายังสังหารด้วยปืนกล Suomi Kp/31 ที่นำติดตัวไป ด้วยอีก 200 ศพ ทำให้ยอดรวมทหารโซเวียตที่ถูกไฮฮาเพียงคนเดียวสังหารคือ 742 ศพ! สถิตินี้ได้รับการยืนยันจากกองทัพฟินแลนด์
Source : https://bit.ly/3qM5zpF
แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียว ไฮฮาไม่ได้โชคดีเสมอไป ในวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ.1940 ไฮฮาถูกยิงเข้าจังๆที่หน้าแต่ก็ยังไม่ทำให้เขาเสียชีวิต เพราะกระสุนทะลุเข้าที่ขากรรไกรด้านขวาและพุ่งไปฝังอยู่ที่กรามด้านซ้ายซึ่งไม่ได้โดนอวัยวะสำคัญอะไร แต่ก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสถูกหามออกจากสนามรบ และเมื่อขาฟื้นขึ้นาสงครมระว่างซเวียต ับฟินแนด์ก็จลงพอด วีรกรรมอันกล้าหาญของเขาส่งผลให้กองทัพฟินแลนด์เลื่อนยศให้เขาจาก สิบโทเป็น ร้อยตรี และได้รับเหรียญกล้าหาญจาก จอมพล กุสตาฟ แมนเนอร์ไฮม์ เลยทีเดียว
Source : https://bit.ly/3oI3FnI
ไฮฮาข้ารับการรักษอยู่นา ต้องผ่าตัดใหญ่หลาย ครั้ในที่สุเขาก็สมารถใชชีวิตด้ตามปกติ แต่ใบหน้าของเขาก็เสียโฉมไปข้างหนึ่งเช่นกัน ไฮฮาเกษียณจากการรับราชการทหาร กลับไปใช้ชีวิตเรียบง่าย ทำเกษตกร ล่าสัตว์ นอกจากนั้นเขายังเพาะพันธุ์สุนัขขายอีกด้วย เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ และเสียชีวิตเมื่อ 1 เมษายน ค.ศ.2002 ด้วยอายุ 97 ปี ซิโม ไฮฮา จากไปอย่างสงบพร้อมกับตำแหน่งสนเปอร์อันดับหน่งตลอดกล และทิ้งเรื่องราวอันน่าทึ่งของเขาให้พวกเราได้ฟังจนถึงทุกวันนี้
Source : https://bit.ly/3nnghAU