หน่วยเรนเจอร์ หรือ หน่วยจู่โจมของสหรัฐอเมริกา ถือเป็นหน่วยรบชั้นหัวกะทิหน่วยของกองทัพสหรัฐอเมริกา ซึ่งคอนเซปของเรนเจอร์ในปัจจุบันนั้นก็คือ ผู้ที่เคยจบ โรงเรียนจู่โจมทหารบกของสหรัฐอเมริกา หรือเคยประจำอยู่ในหน่วย เรนเจอร์ มาก่อน ซึ่งปัจจุบันก็ยังเหลือ กรมทหารจู่โจมที่ 75 (75th Ranger Regiment) ซึ่งถือเป็นหน่วยพลร่ม ที่ทำปฏิบัติการรบพิเศษได้ ทำการสอดแนมรวบรวมข่าวกรอง ช่วยตัวประกัน ต่อต้านการก่อการร้าย พวกเขามีส่วนร่วมกับปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาหลายครั้งจวบจนปัจจุบัน
แต่มาวันนี้จะมาพูดถึงจุดกำเนิดของหน่วยจู่โจมหรือเรนเจอร์ โดยจุดเริ่มต้นของมันนั้น โดยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในสมัยที่ อเมริกายังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ในห้วงนั้นอาณานิคมนี้จะถูกเรียกว่า 13 อาณานิคม (Thirteen Colonies) มันคือรัฐ 13 รัฐรวมตัวกันหลวมๆอันมีพระมหากษัตริย์ของอังกฤษเป็นประมุข ผู้ว่าการรัฐแต่ละรัฐก็จะปกครองกันอย่างเอกเทศ รวมถึงกองทัพที่กองทัพประจำอาณานิคมแต่ละรัฐก็จะมีการเกณฑ์เอาเองโดยไม่ช่วยเหลือกันและไม่มีศูนย์บัญชาการหรือการจัดกำลังที่เป็นเอกภาพเพื่อรวมกองทัพทั้ง 13 รัฐเขาด้วยกัน ทหารอาณานิคม (Provincial Colonies) จะเป็นเสมือนกองกำลังชาวบ้านติดอาวุธที่ถูกเรียกเกณฑ์มาเมื่อมีสงคราม และถูกปลดประจำการเมื่อจบสงคราม
source : https://patr.io/7BIfH
ภัยคุกคามส่วนใหญ่ของอาณานิคมในห้วงแรกนั้นคือ ชนพื้นเมืองอเมริกา (Native Americans) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ อินเดียนแดง โดย อินเดียนแดงนั้นก็มีหลายเผ่าทั้งเป็นมิตรและไม่เป็นมิตร ทั้งนี้เหล่าชาวอาณานิคมหลายคนที่ได้เข้าไปคลุกคลีกับอินเดียนแดงและเรียนรู้การดำรงชีพในป่า รวมถึงการต่อสู้ในป่า ทั้งนี้ผู้ว่าการอาณานิคมอาจจะมีการว่าจ้างพวกเขาเหล่านี้ให้กลายเป็นกองกำลังขนาดเล็ก ซึ่งเหมาะกับการสู้รบในป่ามากกว่า การเป็นรูปขบวนใหญ่ๆในยุโรป โดยคำว่า “Ranger” ก็มาจากคำว่า “Range” หรือระยะทางที่ทหารเหล่านี้ต้องปฏิบัติการกันไกลมาก ซึ่งที่ดินแดนในอเมริกายุคนั้นยังไม่ได้รับการบุกเบิกเท่าที่ควรเต็มไปด้วยป่าพงไพรมากมาย พวก เรนเจอร์ จึงต้องปฏิบัติการรบในป่าเดินทางวันหลายๆไมล์เพื่อป้องกันภัยหรือซุ่มโจมตีพวกอินเดียนแดงที่อาจจะเป็นภัย
ซึ่งก็ว่ากันว่าคนที่ถือว่าให้กำเนิดหน่วยเรนเจอร์หรือเรนเจอร์คนแรกก็คือ พันเอก เบนจามิน เชิร์ช (Colonel Benjamin Church) ซึ่งเริ่มให้เหล่าเรนเจอร์ร่วมรบกับเผ่าอินเดียนที่เป็นมิตรและเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ในป่าจากพวกเขา มาถึงช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 มาคราวนี้ ภัยคุกคามของอาณานิคมไม่ได้มีแค่อินเดียนแดงอีกต่อไป แต่เป็นฝรั่งเศส มหาอำนาจยุโรปอีกชาติที่มาตั้งอาณานิคมในแคนาดาและมีทีท่าว่าจะเป็นภัยคุกคามใหญ่กว่าอินเดียนแดงมาก เมื่ออาณานิคมของทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มขยับขยายมาชนกันการกระทบกระทั่งจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ต่างฝ่ายต่างพยายามอ้างกรรมสิทธิ์ในดินแดนที่ตนยึดครอง มีการยิงปะทะกันตามขอบชายแดนบ่อยครั้ง การขยายตัวของเรนเจอร์จึงต้องตามมา
source : https://patr.io/SpXsa
ทางฝรั่งเศสเองก็มีการใช้หน่วยที่คล้ายๆกับเรนเจอร์เช่นกัน โดยพวกเขาทำการรบในป่าเสมือนพวกอินเดียนแดง และที่ได้เปรียบกว่านั้นคือ อาณานิคมของฝรั่งเศสนั้นมีการปกครองแบบอำนาจรวบศูนย์ ซึ่งทำให้การทหารของพวกเขามีปฏิบัติการที่ชัดเจน ไม่เหมือน 13 อาณานิคมที่ยังไม่ร่วมมือกัน ในห้วงแรกๆการรบส่วนใหญ่ก็ยังเป็นการปะทะประปรายตามชายแดน สงครามกองโจร บุกไปเผาป้อมหรือเผาหมู่บ้านอีกฝ่ายแล้วถอนตัวกลับอย่างรวดเร็ว เมื่อประเทศแม่ของทั้ง 2 หยุดตีกันอาณานิคมจะหยุดตีกันตาม จนกระทั่ง ค.ศ.1754 นั้นได้เกิดความตึงเครียดขึ้นในๆหลายๆพรมแดนซึ่งไม่สามารถหาข้อยุติได้ และได้มีการสังหารทูตฝรั่งเศสขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เลยอุบัติเป็นสงครามฝรั่งเศส – อินเดียน (French – Indian War) ซึ่งมาในคราวนี้ อังกฤษเห็นว่า ตราบใดที่อาณานิคมฝรั่งเศสยังอยู่ก็จะรบแบบนี้ไปไม่จบไม่สิ้น
source : https://patr.io/QK0qR
สงครามครั้งนี้จึงต้องเอาชนะฝรั่งเศสให้เด็ดขาดและยึดครองอาณานิคมของพวกเขาเสีย ดังนั้นมีการส่งกองหนุนจำนวนมากจากอังกฤษมายัง 13 อาณานิคม และได้มีการตั้งนายทหารอาวุโสเป็น ผบ.ทัพสูงสุด ซึ่งมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการบัญชาการกองทัพทั้งหมด แต่นายทหารอังกฤษหลายคนนั้นยังไม่รู้จักการรบในป่าดี พวกเขาถนัดการรบในยุโรปที่ต้องใช้รูปขบวนขนาดใหญ่ในการเข้าปะทะกันดังนั้น ในห้วงแรกของสงครามอังกฤษประสบความพ่ายแพ้เพราะพวกเขาไม่ได้สนหลักนิยมการรบในป่า เช่นหายนะที่แม่น้ำ โมนังกาฮีลา ที่ กองทัพขนาดใหญ่ของ นายพล แบรดด็อก โดนซุ่มโจมตีจนแตกพ่ายด้วยกำลังของฝ่ายฝรั่งเศส และ พันธมิตรอินเดียน ที่เล็กกว่ามาก
source : https://patr.io/HCnwQ
ในเวลาต่อมาพวกเขาเลยต้องมาสนกับ เทคนิคการรบแบบทหารราบเบาหรือการรบในป่าที่เหมาะกับภูมิประเทศในอเมริกามากกว่า 1 ในผู้ที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาทางการทหารครั้งนี้คือ โรเบิร์ต โรเจอร์ (Robert Roger) โดยในห้วงแรก โรเจอร์ ก็คือ 1 ในเรนเจอร์ ที่ประจำการอยู่กับ กรมทหารราบอาณานิคมนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็นผู้แกะรอย ข่าวความสามารถของเขาในการแกะรอยนั้นโด่งดังไปทั่วหนังสือพิมพ์จนเขาเริ่มโด่งดัง ความสามารถของ โรเจอร์ ในตอนนั้นไปถูกใจ วิลเลี่ยม เชอร์ลีย์ (William Shirley) ผบ.กองทัพสูงสุดของอังกฤษในอเมริกาเหนือ เขาเลยสั่งให้ โรเจอร์ แยกตัวมาเป็นกองร้อยอิสระโดยใช้ชื่อว่า หน่วยจู่โจมของโรเจอร์ (Rogers’ Ranger) อันประกอบด้วย เรนเจอร์ 60 นาย
ซึ่งหน่วยจู่โจมนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหน่วยจู่โจมอิสระหน่วยแรกของอเมริกา หรือ 13 อาณานิคมในห้วงนั้น ทั้งนี้ในห้วงเวลาไล่ๆกันได้เริ่มมีการตั้งหน่วย เรนเจอร์ ในลักษณะนี้ขึ้นมามากมายเพื่อต่อต้านการรบแบบกองโจรของฝรั่งเศส แต่หน่วยของโรเจอร์นั้นดังที่สุด หน่วยของโรเจอร์ การแต่งกายและการปฏิบัติการของเรนเจอร์นั้นต่างจากทหารทั่วไปอย่างมาก พวกเขาสวมใส่ชุดสีเขียวเพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติ พรางปืนทั้งกระบอกด้วยสีน้ำตาล หรือ ตัดชายเสื้อคลุมให้สั้นลงเพื่อความคล่องตัว
source : https://patr.io/AQo7R
โรเจอร์ พร้อมกับหน่วยออกปฏิบัติการหลายครั้ง ครั้งที่โด่งดังที่สุดคือการปล้นที่ แซงต์ ฟรองซัวส์ (St Francis) โรเจอร์ พร้อมกับ เรนเจอร์อีกราวๆ 200 กว่านาย ซึ่งเขาต้องล่องเรือแคนูไปจอดทางเหนือของทะเลสาบแชมเพลน ( Champlain) และเดินเท้าต่อไปอีกหลายร้อยไมล์ แต่เรือที่เขาจอดไว้ก็โดนเผาโดยพวกฝรั่งเศส พวกอินเดียนที่เป็นมิตรก็มารายงานว่าเรือของพวกเขาโดนเผาแล้ว นั้นหมายความว่าโรเจอร์กลับไปทางเดิมไม่ได้อีกต่อไป แต่หลังจากเดินไป 10 วัน โรเจอร์ก็มาถึง หมู่บ้าน แซงต์ ฟร็องซัวส์ อันเป็นเป้าหมาย คณะของเขามีบาดเจ็บล้มตายและป่วยบ้างจนเหลือกำลังพล 140 นาย และเขาก็โจมตีหมู่บ้านในวันที่ 6 ตุลาคม เผาทำลายทุกอย่างทิ้ง เขาได้เผาโบสถ์ รวมถึงถลกหนังหัวผู้คน และถอยกลับ ซึ่งการถอยกลับอันหฤโหด นี้ก็ทำให้คณะของเขาตายไปอีก 30 นาย
โรเจอร์เคยประสบความพ่ายแพ้ครั้งหนึ่ง ในการยุทธที่ สโนว์ชู (Battle of Snowshoes) เมื่อ เรนเจอร์ 180 นายของเขากำลังทำการลาดตระเวนหาข่าวของฝรั่งเศส และได้ซุ่มโจมตีกองกำลังของพวกเขา แต่ไม่นานก็พบว่าตนกำลังถูกล้อมกรอบด้วยกำลังที่มากกว่า ท้ายสุดพวกเขาก็ล่าถอยโดยสูญเสียกำลังจำนวนมาก ทั้งนี้ หน่วยเรนเจอร์ ของ โรเจอร์ ที่เป็น 1 หน่วยทหารที่มีชื่อเสียงอันหฤโหด และแน่นอนว่าหน่วยของเขาถือเป็นต้นแบบให้กับ เรนเจอร์ ของอเมริกาในปัจจุบัน
source : https://patr.io/OwVhq