X

StG 44 ปืนไรเฟิลจู่โจมเยอรมัน

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นแต่ละฝ่ายได้มีการพัฒนาอาวุธมากมายอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะรถถัง เครื่องบินรบ เรดาห์ หรือปืนเล็กยาว ทั้งนี้ในช่วงต้นสงครามทหารราบเยอรมันจะมีปืนเล็กยาวที่ประจำการปกติอยู่ 2 ประเภท อันดับแรกปืนไรเฟิลระบบลูกเลื่อน คาราบีเนอร์ 98 เค (Karabiner 98 Kurz) หรือเรียกย่อๆว่า Kar98K ซึ่งมีตลับกระสุน 5 นัด และเวลายิงทีละนัดก็ต้องทำการคัดลูกเลื่อนเพื่อนำปลอกกระสุนออก อย่างไรก็ตาม Kar98K นั้นมีความแม่นยำที่สูงมากนั้นคือระยะหวังผลราวๆ 500 หลา และยิงไกลสุด 1,000 หลา อีกประเภทคือ ปืนกลมือ มาซชีนพิสทูเลอ 40 (Maschinenpistole 40) หรือเรียกย่อๆว่า MP40 ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นอาวุธของผู้บังคับหมู่ทหาร เนื่องด้วยเป็นปืนกลมือ มีตลับกระสุน 32 นัด จึงทำให้มีอัตราการยิงเร็วนั้นคือราวๆ 500 – 550 นัดต่อนาที แต่ระยะการหวังผลมันก็ต่ำตามนั้นคือราวๆ 200 – 250 หลา เท่านั้น และยิงได้ไกลสุดเพียง 300 หลา 

Karabiner 98 Kurz

source : https://patr.io/zPRLv

Maschinenpistole 40

source : https://patr.io/bc7wK

 

แต่เมื่อสงครามได้ไปในระเบิดในแนวรบตะวันออก ฝ่ายเยอรมันก็พบกับปืนกลมือของฝ่ายโซเวียตรุ่น PPsh-71 ซึ่งมีอำนาจการยิงสูงกว่า MP40 ของเยอรมัน รวมถึงปืน Kar98K ซึ่งเป็นปืนที่เหมาะกับการยิงระยะไกลนั้นไม่เหมาะกับการรบตามเมืองเช่น สมรภูมิในสตาลินกราด ที่การรบมักดำเนินไปตามตึกหรือตามห้องนั้นทำให้ ฝ่ายเยอรมันคิดค้นอาวุธใหม่ขึ้นมาซึ่งสามารถยิงได้แม่นยำในระยะไกลและยิงรัวได้ในระยะใกล้!!! โปรเจกต์พัฒนาปืนดังกล่าวเริ่มขึ้น ใน ค.ศ.1942 ภายใต้ชื่อ “Sturmgewehr 44” หรือแปลเป็นไทยเลยก็คือ ไรเฟิลจู่โจม 44 ซึ่งตัวย่อที่คนรู้จักส่วนใหญ่ของปืนรุ่นนี้ก็คือ StG44  กว่าจะเดินสายการผลิตได้ก็ต้องรอไปถึงช่วง ค.ศ.1943 ทั้งนี้ในช่วงแรกฮิตเลอร์ ไม่พอใจในชื่อของมัน เพราะต้องการให้มันเป็นปืนที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก MP40 เลยคิดจะเปลี่ยนชื่อเป็น MP42 , MP43 หรือ MP44 แทน ทำให้ไปมาๆมันมีอีกชื่อคือ MP44

แถมในตอนแรกเมื่อลองทดสอบมัน ฮิตเลอร์ ก็ไม่ค่อยประทับใจและเกือบจะสั่งยกเลิกโครงการนี้ แต่นายทุนนี้หนุนหลังบริษัทปืนนั้นไม่ยอมแพ้และได้แอบผลิตปืนตัวต้นแบบรุ่น MP43 ส่งไปให้ทหารแนวหน้าในแนวรบตะวันออกปรากฎว่าทหารชอบใจมันมาก จนกระทั่งฮิตเลอร์ได้พบกับนายพลของเขาในแนวรบตะวันออกช่วง ค.ศ.1944 ปรากฏว่า นายพลของเขาเรียกร้องของปืน MP43 เพิ่ม!! ทำให้ฮิตเลอร์ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกันว่าทำไมปืนชนิดนี้ถึงหลุดออกไป แต่เมื่อพบว่าทหารชอบมันมาก ท้ายสุดฮิตเลอร์เลยได้สั่งให้ผลิตปืนรุ่น MP44 ออกมาซึ่งเป็นตัวที่สำเร็จอย่างเป็นทางการ ก่อนจะใช้ชื่อทางการของมันอย่าง “StG44”

ในตอนแรกฮิตเลอร์ไม่พอใจโปรเจกต์ ไรเฟิลจู่โจม

source : https://patr.io/oUEaw

คุณสมบัติทั่วไปของปืน StG44 มันมีน้ำหนัก 5.22 กิโลกรัม ยาว 940 มิลลิเมตร และที่พิเศษมันสามารถเลือกยิงได้ว่าจะยิงกึ่งอัตโนมัติเหมือนไรเฟิล หรือ ยิงอัตโนมัติ แบบปืนกลมือ!! ทำให้มันถูกเคลมว่าเป็น ไรเฟิลจู่โจม (Assault Rifle) กระบอกแรกของโลก โดยถ้ายิงในแบบอัตโนมัติ นั้นจะมีระยะหวังผล 300 หลา หรือถ้ายิงกึ่งอัตโนมัติก็จะมีระยะหวังผล 600 หลา มันสามารถยิงรัวได้มากถึง 500 นัดต่อนาที และมีซองกระสุน ซองละ 30 นัด โดยใช้กระสุนขนาด 7.92 มิลลิเมตร ขนาดเดียวกับ Kar98K 

ตัวต้นแบบ MP43 ถูกปล่อยออกยังแนวรบตะวันออกจำนวนมาก

source : https://patr.io/C6vldปืน StG44

source : https://patr.io/78TgA

มันถูกโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นอาวุธปาฎิหาริย์ ที่สามารถพลิกสงครามได้สร้างขวัญกำลังใจให้แก่กองทัพเยอรมันมากขึ้น ข้อเสียของมันคือน้ำหนักที่มากและลักษณะที่ดูเทอะทะไปหน่อย อย่างไรก็ตามมันถูกดัดแปลงมาอีกหลายรุ่นจนกระทั่งจบสงครามโลก มันถูกผลิตมาทั้งสิ้น 500,000 กระบอก แต่มีอีกราวๆ 100,000 กระบอกที่ไม่ได้ถูกแจกจ่ายไปแนวหน้า แนวคิดของปืนที่สามารถยิงได้ทั้งแบบกึ่งอัตโนมัติและอัตโนมัติ มีผลต่ออาวุธในยุคถัดๆไปมาก!! เช่น ปืน AK – 47 ของรัสเซียก็ได้แรงบันดาลใจมากจาก StG44 หรืออย่างปืน M16A1 ของอเมริกันที่เป็น ไรเฟิลจู่โจมเช่นกัน หลังสงครามโลก StG44 ยังถูกใช้โดย เยอรมันตะวันออก , ยูโกสลาเวีย ก่อนถูกแทนที่โดย AK – 47 อย่างไรก็ตามยังมีอาวุธชนิดนี้ยังคงถูกใช้งานในปัจจุบันโดย ในโซมาเลีย หรือ เอธิโอเปีย ถึงแม้จะล้าหลังไปแล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวคิด ไรเฟิลจู่โจม นั้นได้ถูกริเริ่มโดยเยอรมันและปืน StG44 ก็คือปืนกระบอกแรกที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็น “ไรเฟิลจู่โจม”

StG44 ถูกดัดแปลงให้ติดลำกล้องเล็งแบบสไนเปอร์ได้

source : https://patr.io/pJbdhกองกำลังตำรวจของเยอรมันตะวันออกกำลังสวนสนามพร้อมกับปืน StG44

 source : https://patr.io/9RUZd