หลายๆปีที่ผ่านมา ตลาดและวงการอาวุธปืนของประเทศไทยเปิดกว้างขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด พวกเราสามารถค้นหากลุ่มหรือสังคมคนเล่นปืนได้อย่างง่ายดายผ่าน อินเทอร์เน็ต โดยไม่มีอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย ต่างจากสมัยก่อน ที่พวกเราจะต้องหาข่าวสารเอาเอง ผู้ครอบครองอาวุธปืนส่วนมากก็จะเป็นกลุ่มเล็กๆในพื้นที่นั้นๆ
ปัจจุบันนี้มีการสร้างสนามยิงปืนเอกชนขึ้นมามากมาย ควบคู่กับชมรมและกิจกรรมต่างๆที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้ มีการเปิดคอร์สสอนต่างๆสำหรับพลเรือนอย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นแล้ว ฝันของผู้ที่เรียกตัวเองว่า “โปรเมกา” ก็มาถึง เรามี AR-15 เวอร์ชันพลเรือนให้ได้จับจองกันแล้ว!
source : https://patr.io/10Ddk
AR-15 ที่จะพูดถึงนี้ ไม่ใช่ปืนหุ่นอาวุธสงครามที่ใช้กระสุนขนาด .22 นะครับ มันคือไรเฟิลที่ใช้กระสุนขนาด 5.56*45 จริงๆ หรือที่เรียกกันในเชิงพาณิชย์ว่า .223 โดยชื่อเรียกทั้ง 2 อย่างนี้ก็จะมีความแตกแต่งกันในเรื่องของสเปคเล็กน้อย
มีบริษัทอยู่หลายบริษัทที่ผลิตปืนโมเดลนี้ขึ้นมาขาย เช่น NLX, CMMG, Angstadt หรือ Aero Precision เป็นต้น ซึ่งก็จะมีชื่อเรียกตามที่บริษัทจะแต่งตั้งกันไป แต่ตัวปืนก็ยังใช้โมเดลของ AR-15 เหมือนเดิม
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายครับ เนื่องจากกฎหมายอาวุธปืนของบ้านเรามีการจำกัดความไว้ว่า การทำงานอาวุธปืนไรเฟิลจะต้องเป็นการบริหารกลไกด้วยมือ กล่าวคือมันจะต้องชักยิงทีละนัดนั่นเอง ซึ่งก็ยังเป็นที่ขัดใจต่อกลุ่มคนไทยที่อยากจะระเบิดลำกล้องด้วยปืนนี้อยู่ (ตัวปืนสามารถยิง semi ได้ แต่ถูกดัดแปลงเพื่อนำเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย) การที่จะดัดแปลงให้ปืนกลับมายิงแบบต่อเนื่องได้นั้น จะต้องเปลี่ยนจากการบริหารด้วยมือมาเป็นการทำงานด้วยแก๊ส ซึ่งก็จะมีวิธีการทำของมันไป กระผมขออนุญาตไม่กล่าวถึงในส่วนนี้นะครับ เพราะถ้าคุณดัดแปลงไรเฟิลคุณให้สามารถยิงต่อเนื่องได้เมื่อไหร่ คุณจะเข้าข่ายครอบครองอาวุธสงครามพร้อมกับข้อหาในเรื่องของการดัดแปลงอาวุธปืนทันที ! “ มีโทษหนักตั้งแต่จำคุก 2ปี ถึง ตลอดชีวิต” เลยนะครับ
ถ้าใจมันอยากยิง semi จริงๆ (ยิง full-auto ไม่ได้แน่นอน) แนะนำให้ซื้อโมเดล AR-15 ที่ใช้กระสุนขนาด 9 มม. จะดีกว่าครับ เพื่อความปลอดภัยต่อเอง
โดยการครอบครองอาวุธปืนชนิดนี้สามารถขอใบอนุญาตได้ปกติตามกฎหมายเลยครับ ปืนชุดนี้จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มอาวุธปืนประเภท เดี่ยวไรเฟิล 5.56 เหมือนกับไรเฟิลทั่วไป เรื่องของกระสุนนั้น สามารถใช้หาซื้อได้ตามร้านปืนทั่วไป แต่ต้องขอแนะนำก่อนนะครับ ว่าก่อนตัดสินใจซื้อปืน ก็ควรหาร้านที่จำหน่ายกระสุนชนิดนี้ด้วย เพราะกระสุนหาค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับกระสุนปืนตั้งแต่ .44 ลงมา บางร้านอาจจะไม่มีจำหน่าย ไม่อยากให้ซื้อปืนแล้วไม่มีกระสุนยิงกัน กรณีนี้เกิดขึ้นแล้วกับผู้ครอบครองไรเฟิลขนาดกระสุนขนาด .338 ลาปัว ที่ทำได้แค่นั่งลูบปืน เพราะหากระสุนได้ยากมากๆ และราคาก็แรงมากๆเช่นกัน คนเล่นปืนถึงกับตั้งฉายามันว่าเป็นของเล่นของคนมีตังกันเลย….
source : https://patr.io/cKAuQ
source : https://patr.io/a9qL2
สำหรับอุปกรณ์แต่งปืน ซีงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับชาว AR-15 ทุกคนล้วนอยากมีโมเดลไรเฟิลเท่ๆเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น จะนำแบบจากโรงงานมาเข้าสนามเลยก็คงจะดูเชยแย่ พวกเราสามารถหาซื้ออุปกรณ์แต่งปืนทั่วไปได้เลยครับผม *แต่* กฎหมายบ้านเราก็ยังมีการจำกัดในเรื่องของอุปกรณ์แต่งปืนอยู่บางส่วน ผมจะมาบอกอุปกรณ์แต่งปืนที่ “ผิดกฎหมาย” ในบ้านเราให้ทราบกันครับ
- ท่อเก็บเสียง
- ซองกระสุน (ไม่เกิน 20 นัด)
- ชุดลูกเลื่อน
- ลำกล้อง
- ชุดลั่นไก
อย่าพึ่งรีบตัดใจไปนะครับ นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังสามารถแต่งได้อย่างถูกกฎหมาย เช่น พานท้าย ฝาประกับ กล้องช่วยเล็ง ปลอกลดแสง และจุดอื่นๆยิบย่อยที่จะดูดเงินในกระเป๋าของท่าน จะสังเกตได้ว่าอุปกรณ์แต่งปืนต้องห้ามเหล่านั้นล้วนมีผลต่อการยิง แต่ส่วนที่ได้รับการอนุญาตจะเป็นส่วนที่เสริมหล่อภายนอกเสียส่วนใหญ่ ราคาของปืนนี้อยู่ในช่วงระหว่าง 100000-180000 บาทไทยครับ แต่กว่าจะได้มานั้น ก็ต้องซื้อใบจองและรอแรมปีตามโควตานำเข้าอาวุธปืนของร้านเลยทีเดียว แล้วค่อยมาจ่ายส่วนที่เหลือหลังรับปืนแล้ว บางคนที่รอไม่ไหวก็นำใบจองมาปล่อยต่อในกลุ่มซื้อขายทั่วไปโดยไม่มีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายใดๆครับ
ตัวอย่างการแต่งที่ถูกพิจารณาว่าผิดกฎหมายบ้านเราครับ (ท่อเก็บเสียง , ซองกระสุน 30 นัด)
source : https://patr.io/qf0tJ
source : https://patr.io/ThpsO
หวังว่าบทความนี้จะทำให้ชาวนักสะสมหรือผู้ที่ชื่นชอบ AR-15 ดีใจกันบ้างนิดหน่อยนะครับ แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนอยากให้ทุกคนปฏิบัติตามพระราชบัญญัติและกฏหมายที่เกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนและการซื้อ-ขาย อาวุธปืนอย่างถูกกฏหมายกันด้วยนะครับ