X

“Jack Churchill” โคตรทหารพันธุ์โหด ผู้ใช้ธนู และ ดาบ ฟาดฟันศัตรู!!

source : https://patr.io/lY3Kj

การใช้ดาบในการสู้รบถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป ถ้าคุณเป็นทหารในยุคกลาง แต่ทหารอังกฤษนาม “Jack Churchill”เขาต่อสู้ด้วยดาบและธนูในสงครามโลกครั้งที่สอง!! ไม่เพียงเท่านั้น แจ็คยังได้สร้างวีรกรรม และความเสียหายแก่ฝ่ายตรงข้ามไว้มากมายจนชื่อของเขาเป็นที่โจษจันกันในหมู่ศัตรู เรื่องราวของบุรุษผู้นี้จะโหด และสนุกแค่ไหน วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟัง…

source : https://patr.io/h6hS5

Jack Churchill เกิดในปี ค.ศ.1906 ที่ฮ่องกง ซึ่งในสมัยนั้นเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ปู่และพ่อของแจ็คเป็นทหารอังกฤษที่ประจำการอยู่ที่นั่น แจ็คเติบโตมาในครอบครัวทหาร แจ็ค เชอร์ชิลล์ได้เข้าเรียนที่แซนด์เฮิร์สต์ โรงเรียนนายร้อยอังกฤษ ในปี ค.ศ.1926 หลังจากจบการศึกษาเขาได้ประจำการที่ประเทศพม่าซึ่งในสมัยนั้นเป็นช่วงไร้สงคราม หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งพึ่งจบไปได้ไม่ถึง 10ปี การอยู่ในยามสงบเช่นนั้นทำให้แจ็ครู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก เขาว่างเสียจนหัดปี่สก็อตจนเชี่ยวชาญ และขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาจนทั่วอนุทวีปอินเดีย แจ็คออกจากทหารในปี ค.ศ.1936 เขาเดินทางไปประเทศอังกฤษ และเข้าทำงานในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง และยังเป็นนายแบบอีกด้วย ในระหว่างที่ไม่ได้เป็นทหารแจ๊คได้ฝึกสกิลใหม่คือการยิงธนูซึ่งเป็นกีฬาที่เขาชื่นชอบมาก และทำได้ดีถึงขั้นเคยเข้าร่วมการแข่งขัน Word Archery Championships ในปี 1939 เลยทีเดียว

source : https://patr.io/Zn6j0

ค.ศ.1939 ในปีเดียวกันนั้นเอง สงครามโลกครั้งที่สองได้เริ่มต้นขึ้น กองทัพอังกฤษได้เชิญแจ็คให้กลับเข้ามาเป็นทหารสังกัดกองร้อยไรเฟิล และนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่เขาได้สร้างชื่อเสียงนั่นเอง หน่วยของแจ็คได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่ฝรั่งเศส มองผิวเผิน แจ็ค เชอร์ชิลล์อาจดูเหมือนนายทหารทั่วๆไป แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ นายทหารผู้นี้ไม่พกปืนแต่เอาดาบ และ ธนู พร้อมกับปี่สก็อตคู่ใจของเขาติดตัวไปรบด้วย! เขามักจะนำหน่วยของเขาโดยการเป่าปี่สก็อตเดินนำหน้าอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งในการรบที่ฝรั่งเศส แจ็คได้นำหน่วยของเขาซุ่มโจมตีกองทหารเยอรมัน โดยสัญญาณเริ่มโจมตีของเขาไม่ใช่พลุไฟ หรือเสียงนกหวีดแบบหน่วยทหารทั่วๆไป แต่เป็นลูกดอกธนูที่พุ่งตรงปักเข้าที่อกของผู้บังคับหมู่ทหารเยอรมัน ระหว่างการตะลุมบอนกัน แจ็คก็เข้าห้ำหั่นศัตรูด้วยดาบ และธนูของเขา จนสร้างความตื่นตกใจให้ทหารเยอรมัน และทำให้เขาเป็นที่รู้จักในนาม “ไอ้บ้าแจ็ค” (Mad Jack) ทหารคนเดียวในสงครามที่ไล่ฆ่าศัตรูด้วยดาบ และธนู

source : https://patr.io/yc4je

หลังจากนั้น แจ็คได้ขอสมัครเข้าหน่วยคอมมานโดของอังกฤษ หลังจากผ่านการฝึกเขาก็ถูกส่งไปที่เกาะ Vagsoy ประเทศนอร์เวย์ในปี ค.ศ.1941 ในตำแหน่งรองผู้บังคับหน่วยคอมมานโดที่3 เมื่อเรือเทียบท่า แจ็คพาหน่วยของเขายกพลขึ้นฝั่งโดยมีเขาถือดาบวิ่งนำอยู่ด้านหน้า แจ็คและหน่วยของเขาเข้าต่อสู้กับหน่วยทหารรักษาฝั่งของเยอรมันอย่างดุเดือด แจ็คใช้ดาบของเขาฟาดฟันศัตรู จนหน่วยทหารของเยอรมันพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว ทหารเยอรมันที่ยังไม่ตายก็ถูกจับเป็นเชลยไป

source : https://patr.io/iR1aL

source : https://patr.io/PS1gK

ค.ศ.1943 ที่อิตาลี แจ็คได้รับภารกิจให้นำหน่วยคอมมานโดไปทำลายปืนใหญ่ และ ฐานสังเกตการณ์ ของทหารเยอรมัน ถึงแม้ว่าฐานนี้จะมีการป้องกันอย่างแน่นหนา แต่แจ็คก็นำหน่วยของเขาเข้าโจมตีจนได้รับชัยชนะมา และเช่นเคยแจ็คใช้ดาบและธนูของเขาต่อสู้กับศัตรู ในศึกครั้งนั้นแจ็คสามารถจับเชลยได้ถึง 42 คน ภายในคืนเดียว

source : https://patr.io/FQ3JG

ในปี ค.ศ.1944 การรบครั้งสุดท้ายของแจ็คก็มาถึง เขาถูกส่งไปรบที่ ยูโกสลาเวีย โดยได้รับคำสั่งให้นำหน่วยคอมมานโด เข้ายึดเนิน622 เนินเขาสำคัญที่ตั้งอยู่บนเกาะบราช ในการรบครั้งนี้หน่วยของแจ็คเสียเปรียบเป็นอย่างมาก เพราะหน่วยทหารเยอรมันตั้งป้อมรออยู่บนยอดเนิน จู่โจมหน่วยของเขาด้วยปืนไรเฟิล ปืนกล และปืนครก หน่วยของแจ็คได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมากจนสุดท้ายก็ได้รับความพ่ายแพ้ เมื่อสิ้นเสียงปืน หน่วยทหารเยอรมันได้เข้ามาเคลียร์พื้นที่และหาเก็บอาวุธหรือกระสุนปืนที่ยังพอใช้ได้ แต่สิ่งที่ได้เจอทำให้หน่วยทหารเยอรมันถึงกับช็อคไปเลย ภาพที่เห็นก็คือ แจ็คยืนอยู่ท่ามกลางศพของเพื่อนและลูกน้องในหน่วย เขาเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ไม่เพียงเท่านั้นเขากำลังยืนเป่าปี่สก็อตอยู่!!

Winston Churchill นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

source : https://patr.io/Id3X9

แจ็คถูกจับเป็นเชลยศึกและถูกส่งไปยังเบอร์ลินเพื่อสอบปากคำ ด้วยชื่อจริงของเขา Jack Churchill ทำให้กองทัพเยอรมนีคิดว่าเขาเป็นญาติของ Winston Chirchill นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ กองทัพเยอรมนีจึงไม่กล้าฆ่าเขาเพราะกลัวจะมีปัญหาตามมา ทั้งที่จริงๆเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษแต่อย่างใด 

source : https://patr.io/vG7ci

แจ็คถูกส่งไปยังค่ายกักกันเชลยที่ Sachsenhausen เยอรมนี แต่ในปี 1945 เขาก็ได้ชักชวนนายทหารอากาศอีกท่านหนึ่งหนีออกมาจากค่ายกักกัน ทั้งสองคนเล็ดลอดหลบหนีจนมาถึงชายฝั่งทะเลบอลติคแต่ก็ถูกจับได้ที่นั่น ต่อมาเขาจึงถูกส่งไปค่ายกักกันแห่งที่สองที่ Niederdorf ออสเตรีย แต่แจ็คก็ทำการหนีอีกรอบโดยอาศัยจังหวะที่ระบบไฟฟ้าของค่ายขัดข้อง เขาต้องเดินทางผ่านร่องเขา หน้าผา และภูมิประเทศอันสลับซับซ้อนของเทือกเขาเอลฟ์ โดยประทังชีวิตด้วยผักที่ขโมยตามสวนของชาวบ้านที่เขาเจอ ผ่านไปแปดวันเขาหนีมาได้ไกลถึง 150ไมล์! ในที่สุดเขาก็ได้พบกับหน่วยทหารอเมริกาด้วยสภาพร่างกายที่อิดโรยเต็มที แจ็คถูกส่งกลับไปอังกฤษทันที 

source : https://patr.io/GY0Wa

หลังจากได้รับการรักษาตัว สงครามในยุโรปก็จบลงหมดแล้วแต่สงครามโลกยังไม่จบ แจ็ครู้สึกไม่พอใจอย่างมากเขาเลยอาสาไปเข้าร่วมการรบที่สงครามในพม่าซึ่งกำลังต่อสู้กับญี่ปุ่นอยู่ในขณะนั้น แต่เมื่อเขาไปถึงพม่า อเมริกาก็ได้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิพอดี ทำให้ญี่ปุ่นยอมยุติสงคราม และสงครามโลกครั้งที่สองก็สิ้นสุดลงทันที แจ็คโกรธมากถึงขั้นบ่นกับเพื่อนว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกไอ้กันไปทิ้งระเบิด ฉันคงจะได้รบต่อไปอีก10ปีเลยล่ะ!”

source : https://patr.io/zR74w

หลังจบสงคราม แจ็คยังคงทำงานในกองทัพต่อในฐานะครูฝึกของหน่วยรบพิเศษอังกฤษไปจนเกษียณอายุในปี ค.ศ.1959 และเสียชีวิตในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1996 ด้วยอายุ 89ปี ตลอดระยะเวลาที่รับราชการเขาได้รับเหรียญกล้าหาญถึง 2เหรียญ และได้สร้างวีรกรรมอันน่าทึ่งจากความกล้าหาญ ความบ้าระห่ำ ของเขาให้คนรุ่นหลังได้จดจำต่อไป