X

เมื่อญี่ปุ่นยึดสิงคโปร์ด้วยจักรยาน!

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปลายปี ค.ศ.1941 กองทัพญี่ปุ่นได้รุกรานเกาะน้อยเกาะใหญ่ต่างๆตามแปซิฟิก รวมถึงประเทศภาคพื้นทวีปในอุษาคเนย์ ในขณะนั้น พลโท โทโมยูกิ ยามาชิตะ (Tomoyuki Yamashita) ผบ. กองทัพที่ 25 ของญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยทหารราวๆ 70,000 นาย ต้องปะทะกับ กองทัพบริติชของ พลโท อาเธอร์ เพอร์ซิวาล (Arthur Percival) ซึ่งมีราวๆ 140,000 นาย ในมลายาเป้าหมายของฝ่ายญี่ปุ่นคือการยึดทั้งคาบสมุทรมลายู และ สิงคโปร์ อันเป็นท่าเรือสำคัญ ถึงแม้ฝ่ายอังกฤษจะมีกำลังพลเยอะกว่า แต่ฝ่ายญี่ปุ่นมีเครื่องบินรบ ทั้งนี้ กองทัพญี่ปุ่นนั้นได้เตรียมตัวมาดีกว่าในการรบ พวกเขาสวมเครื่องแบบที่เหมาะกับการรบในป่า รวมถึงมีการระดมทหารญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่แถวบริเวณ อินโดจีน ฝ่ายอังกฤษนั้นประเมินว่าต้องมีการยกพลขึ้นบกขนานใหญ่เกิดขึ้นแน่แต่ยังไม่รู้ว่าตรงไหน จนกระทั่งวันที่ 8 ธันวาคม ญี่ปุ่นเปิดฉากยกพลขึ้นบกหลายจุด ซึ่งมี 3 แห่งที่ กองทัพที่ 25 ของ ยามาชิตะรับผิดชอบ 2 แห่งทางภาคใต้ของไทย และ 1 แห่งในมลายา

เส้นทางการเดินทัพของญี่ปุ่นในช่วงการบุกยึดมลายา (มาเลเซียในปัจจุบัน) จะเห็นได้ว่ามีการยกพลขึ้นบกในไทย 2 แห่ง

source : https://patr.io/cVqYA

 

ด้วยความที่ญี่ปุ่นครองอากาศจึงทำให้ การยกพลขึ้นบกนั้นค่อนข้างประสบความสำเร็จ กองทัพญี่ปุ่นที่ยกพลที่ภาคใต้ของไทยเจอการต่อต้านเล็กน้อยจากตำรวจ และไม่นานพวกเขาก็รุกมาถึงมลายา ภายใน 4 วัน ญี่ปุ่นสามารถยึดสนามบินได้หลายแห่งในมลายาและใช้มันเป็นฐานทัพในการโจมตีอังกฤษต่อ แถมขวัญกำลังใจฝ่ายอังกฤษตกลงอีกเมื่อ เครื่องบินรบ ญี่ปุ่นสามารถจมเรือประจัญบานของอังกฤษได้ถึง 2 ลำนั้นคือ เรือหลวง รีพลัส (HMS Repulse) และ เรือหลวง พรินซ์ ออฟ เวลส์ (HMS Prince of Wales) ที่จะมาช่วยป้องกันมลายา แต่ทั้งนี้ กองทัพบกอังกฤษยังมีจำนวนมากกว่า ฝ่ายญี่ปุ่น ทำให้การรุกลงใต้เพื่อพิชิตทั้งคาบสมุทรรวมถึงสิงคโปร์ประสบความสำเร็จ ยามาชิตะ ต้องทำให้ทหารของเขาเคลื่อนที่เร็วกว่าฝ่ายอังกฤษ และสามารถดำรงความอยู่รอดในการรบในป่าได้นานกว่า

พลโท โทโมยูกิ ยามาชิตะ ผบ.กองทัพที่ 25 ของญี่ปุ่น

source : https://patr.io/cW5Gt

พลโท อาเธอร์ เพอร์ซิวาล ผบ.กองทัพบริติชในมลายา

source : https://patr.io/pU9GL

 

ทั้งนี้ทหารอังกฤษนั้นอาศัยการเดินเท้าในการรบในป่า ซึ่งมีถนนเล็กๆ แต่ทางฝ่ายญี่ปุ่นนั้น ยามาชิตะ อาศัยการใช้จักรยานในการเคลื่อนพล ยามาชิตะได้ใช้ทหาร 2 กองพลราวๆ 36,000 นาย ในการรุกลงใต้ ซึ่งในจำนวนนี้ 12,000 นายมีจักรยาน ทำให้พวกเคลื่อนทัพได้เร็วกว่าฝ่ายอังกฤษ จักรยานยังช่วยทหารในการบรรทุกสัมภาระส่วนตัว ทำให้ทหารญี่ปุ่น 1 ในพกยุทธปัจจัยได้มากกว่าทหารอังกฤษ การเดินเป็นเวลานานของทหารอังกฤษยังทำให้รองเท้าบูทของพวกเขาเสียได้เร็วกว่าของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นยังใช้รถถังเบาเข้าร่วมในการรุกด้วยทำการรุกลงใต้ของญี่ปุ่นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมาก ฝ่ายอังกฤษในขณะนั้นไม่มีรถถังในมลายาเพราะทางเสนาธิการของอังกฤษคิดว่าจะไม่มีการใช้รถถังในภูมิประเทศป่า!! ฝ่ายอังกฤษเจอความเร็วในการรุกของญี่ปุ่นประดุจสายฟ้าแลบทำให้พวกเขาล่าถอยเรื่อยๆ 

ทหารญี่ปุ่นทำการรุกด้วยจักรยาน

source : https://patr.io/jfwVh

เพอร์ซิวาล หน่วงเวลาการรุกของ ยามาชิตะ ด้วยปืนใหญ่และการระเบิดสะพาน ทำให้การรุกของ ยามาชิตะ ช้าลงบ้าง แต่ยามาชิตะอาศัยความที่ทหารของเขาเคลื่อนที่เร็วกว่าเข้าโจมตีเป็น 2 ง่ามบริเวณใจกลางมาเลเซีย ที่อังกฤษตั้งมั่นอยู่โดย โดยใช้ทหารกอง 1 เข้าตีตรงหน้าส่วนอีกกองเข้าตีตลบหลัง ทำให้ฝ่ายอังกฤษตกใจคิดว่าโดนกำลังที่มากกว่าโจมตีและยอมจำนนอย่างรวดเร็ว พาร์ชิเวล พาทหารอังกฤษที่เหลือถอยไปที่เกาะสิงคโปร์ ในวันที่ 31 มกราคม กองทัพบริติชที่เหลือราวๆ 85,000 นาย ล่าถอยมายังสิงคโปร์ ที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายอังกฤษ ยามาชิตะ มาถึงสิงคโปร์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ด้วยกำลังพลแค่ราวๆ 36,000 นาย และได้ระดมยิงเกาะด้วยปืนใหญ่ ทั้งนี้ สิงคโปร์ มีปืนใหญ่ป้องกันชายฝั่งจำนวนมาก แต่กระสุนส่วนใหญ่นั้นเป็นกระสุนเจาะเกราะเอาไว้ยิงเรือ ไม่เหมาะกับการยิงบนพื้นราบ

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ สิงคโปร์ พบกับการต้านทานจาก ทหารออสเตรเลีย แต่ก็โดนผลักดันไปได้ แต่ทั้งนี้ เพอร์ซิวาล ประเมินผิดพลาดคิดว่าทหารญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบกอีกจุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ แต่ในความจริงนั้นยกพลขึ้นบกทาง ตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ทหารญี่ปุ่นทะลักเข้ามาในสิงคโปร์มากขึ้น พร้อมทั้งยานเกราะและรถถัง มิหนำซ้ำยังสามารถยึดสนามบินบนเกาะได้!! นายกรัฐมนตรีอังกฤษต่อสายตรงมาถึง เอิร์ล อาร์ชิบัลด์ วาเวลส์ ( Archibald Wavell) ผบ.กองทัพบริติชอินเดีย ซึ่งเป็น ผบ.โดยตรงของ เพอร์ซิวาล บอกว่าห้ามยอมแพ้เด็ดขาด แต่เกาะสิงคโปร์ส่วนใหญ่โดนยึดสถานที่สำคัญไปเกือบหมดแล้วทั้ง โรงพยาบาล สถานีน้ำมันเชื้อเพลิง แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมแพ้ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เพอร์ซิวาล ตัดสินใจยอมแพ้ในที่สุด

ทหารอังกฤษทำการต่อสู้เพื่อปกป้องสิงคโปร์

source : https://patr.io/RdHXt

 

ตลอดการทำสงครามในมลายาจนถึงสิงคโปร์ ทหารอังกฤษถูกสังหาร 7,500 นาย บาดเจ็บ 10,000 นาย และตกเป็นเชลย 130,000 นาย ส่วนฝ่ายญี่ปุ่น ถูกสังหาร 3,500 นาย บาดเจ็บราวๆ 6,100 นาย เท่านั้น ความสำเร็จนี้ทำให้ ยามาชิตะได้ฉายาว่า พยัคฆ์แห่งมลายา และทำให้ฝ่ายญี่ปุ่นสามารถครอบครอง คาบสมุทรมลายูและสิงคโปร์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ก็มาจากการเคลื่อนที่เร็วด้วยจักรยานของทหารญี่ปุ่น!!

 การยอมจำนนของสิงคโปร์ต่อญี่ปุ่น

source : https://patr.io/gike6