X

Alison Digby ทหารพลร่ม ที่ใช้ร่ม(กันฝน)ในการทำสงคราม

ทหารพลร่มคือหน่วยทหารที่ดำเนินกลยุทธ์โดยการนั่งเครื่องบินไปยังสนามรบ และลักลอบกระโดดร่มลงหลังแนวข้าศึก จากนั้นก็รวมพลแล้วทำการเข้าตีข้าศึกจากด้านหลัง แต่ในปี ค.ศ.1944 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่2 มีทหารพลร่มนายหนึ่งนามว่า พันตรี อลิสัน ดิ๊กบี้ เทยแธม วอเตอร์ เขาได้นำหน่วยของเขาเข้าสู้รบในสงครามโดยที่ตัวเขาถือร่มกันฝนเข้าไปด้วย และใช้ร่มนั้นฟาดฟัน ปลิดชีพศัตรูไปหลายชีวิต เรื่องราวของเขาจะบ้าระห่ำแค่ไหน และ ทำไมเขาต้องพกร่มไปรบแบบนั้น วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟัง…

source : https://patr.io/CJu2b

 

อลิสัน ดิ๊กบี้ เทยแธม วอเตอร์ หรือที่เพื่อนๆเรียกว่าดิ๊กบี้ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1917 ที่เมืองชาร์ปเชอร์ ประเทศอังกฤษ ในสมัยนั้นอยู่ยุคของสงครามโลกครั้งที่1 พ่อของเขารับใช้ชาติโดยการเป็นทหาร และได้ไปร่วมรบในสงครามด้วย นั่นทำให้ดิ๊กบี้มีพ่อเป็นวีรบุรุษ ถึงแม้พ่อของเขาและทหารอังกฤษอีกหลายนายจะถูกรมแก๊สและเสียชีวิตในสงคราม แต่นั่นก็ไม่ทำให้ดิ๊กบี้สูญเสียความตั้งใจที่จะเป็นทหารไปได้ เขาสอบเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิสต์ได้สำเร็จ และเมื่อจบการศึกษาดิ๊กบี้ก็ได้ประจำการเป็นนายทหารในกรมทหารราบ ดิ๊กบี้เป็นทหารราบนานจนถึง ค.ศ.1937 และเขาคิดว่าชีวิตมันธรรมดา และน่าเบื่อเกินไป เขาต้องการอะไรที่ตื่นเต้นมากกว่านี้ เขาจึงได้ไปสมัครเป็นทหารพลร่มโดยหวังว่าจะได้ไปรบในแนวหน้าของสงคราม ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ

source : https://patr.io/VCbi8

 

source : https://patr.io/YEHWT

 

เดือนกันยายน ค.ศ.1944 ช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ดิ๊กบี้ถูกสั่งให้นำกำลังไปรบใน ยุทธการมาร์เก็ทการ์เดน(Operation Market Garden) ภารกิจของเขาคือการนำหน่วยไปยึดสะพานข้ามแม่น้ำไรน์ประเทศเนเธอแลนด์ เพื่อให้กองกำลังของฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถบุกเข้าเยอรมนีทางตอนเหนือได้ ผลงานสร้างชื่อแรกของดิ๊กบี้ก็คือ เขาคิดว่าในขณะที่อยู่ในสนามรบการติดต่อสื่อสารทางวิทยุน่าจะติดขัด และมีความเสี่ยงที่ข้าศึกจะดักฟังได้ เพราะอยู่ในพื้นที่ของข้าศึก เขาจึงได้ฝึกกำลังพลในหน่วยของเขาให้รู้จักกับสัญญาณแตรซึ่งเป็นกลยุทธเก่าแก่ ที่ใช้ตั้งแต่ยุคสงครามนโปเลียนเลยทีเดียว และเมื่อหน่วยของเขากระโดดร่มลงไปถึงสนามรบสิ่งที่เขาคิดก็เป็นจริงคือระบบการติดต่อสื่อสารล่ม เขาจึงใช้สัญญาณแตรในการสั่งการและส่งข่าวให้กำลังพลในหน่วยของเขานั่นเอง ซึ่งนับเป็นวิธีที่แปลกแต่ได้ผลจริง

source : https://patr.io/tbA9v

 

หน่วยทหารพลร่มรวมพลที่เมืองอาเน็ม ดิ๊กบี้ไม่รอช้าสั่งการให้หน่วยเคลื่อนตัวไปที่สะพาน ทันใดนั้นกองทัพเยอรมันก็เปิดฉากระดมยิงใส่หน่วยของเขาทันที หน่วยทหารพลร่มต่อสู้ด้วยความห้าวหาญภายใต้การนำของผู้พันดิ๊กบี้ซึ่งเขาไม่ได้ใส่หมวกเหล็กเหมือนทหารคนอื่นๆ แต่ใส่หมวกเบเรต์สีแดงพร้อมกับปืนพกและถือร่มในมือ! และสาเหตุที่เขาถือร่มเพราะว่าเขามีปัญหาในการจดจำสัญญาณบอกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงถือร่มเอาไว้เพื่อให้ลูกน้องสังเกตุเห็นเขาได้ง่ายและให้รู้ว่าเป็นเขานั่นเอง นอกจากนั้นเขายังใช้ร่มเป็นทัศนสัญญาณเพื่อสั่งการลูกน้องของเขาอีกด้วยเพราะมันสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าการใช้มือ หน่วยทหารพลร่มของเขาสามารถฆ่าทหารเยอรมันได้มากถึง 150คน โดยที่ทหารของเขาตายแค่ 1คน และเจ็บอีก 1คน ดิ๊กบี้นำหน่วยของเขาบุกต่อเนื่องขึ้นมาบนสะพาน

source : https://patr.io/tfIjR

 

ไม่นานนักเยอรมนีก็ได้ส่งทหารกองหนุนมาเพื่อต่อต้านการโจมตีของหน่วยทหารพลร่ม ซึ่งในครั้งนี้มีทหารมากกว่าเดิม และยังมีรถถัง Panzer IV มาอีกหลายคันด้วย!! แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หน่วยทหารพลร่มเสียขวัญกำลังใจแต่อย่างใด ดิ๊กบี้ถอดหมวกเบเรต์แดงของเขาออก และใส่หมวกทรงโบวเลอร์(Bowler hat)ซึ่งเป็นหมวกทรงพื้นเมืองของชาวอังกฤษ จากนั้นก็ไม่รอช้านำหน่วยของเขาเข้าโจมตีกองทัพเยอรมันทันทีโดยมีดิ๊กบี้วิ่งนำหน้าอยู่ ยิงศัตรูด้วยปืนพก แทงข้าศึกด้วยปลายร่ม เขาบุกไปด้วยความบ้าระห่ำไม่เกรงหลัวอะไร และวีรกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นอย่างยิ่งคือการที่เขาวิ่งเข้าหารถถัง Panzer IV ของข้าศึกอย่างไม่กลัวตาย เขาปีนขึ้นไปและใช้ร่มแทงสวนเข้าไปในช่องสำหรับมองของพลขับและพลยิงถูกเข้าที่ตาเต็มๆ ทำให้รถถังของเยอรมันใช้การไม่ได้ไปโดยปริยาย อีกวีรกรรมหนึ่งของเขาคือเขามองเห็นทหารบาทหลวงคนหนึ่งหลบห่ากระสุนอยู่หลังบังเกอร์ไม่กล้าออกไปช่วยคนเจ็บ เขาเลยวิ่งไปหาแล้วพูดว่า”ไม่ต้องกลัวหรอกกระสุนน่ะ ผมมีร่ม” จากนั้นก็วิ่งพาบาทหลวงออกไปช่วยคนเจ็บมาเข้าที่กำบังได้อย่างปลอดภัย ไม่โชคดีเท่าไรนักเพราะเยอรมันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เยอรมันส่งกองทัพมาหนุนอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนมาก หน่วยทหารพลร่มของดิ๊กบี้ต่อสู้อย่างหนักหน่วงติดต่อกันเป็นเวลาสามวัน จนกำลังพลเหนื่อยอ่อนหมดแรง บ้างก็บาดเจ็บล้มตาย อีกทั้งน้ำและอาหารก็เริ่มหมด วิทยุสื่อสารก็พังไม่สามารถร้องขอเสบียงและกำลังเสริมได้ สุดท้ายหน่วยของเขาก็พ่ายแพ้ ทหารที่รอดชีวิตก็ถูกจับเป็นเชลยศึกในที่สุด 

source : https://patr.io/ZY5Jk

 

ดิ๊กบี้ได้รับบาดแผลฉกรรจ์ที่ขา เขาจึงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลท่องถิ่นใกล้ค่ายเชลยศึกในเยอรมัน หลังจากพักรักษาตัวไม่นาน ดิ๊กบี้ก็ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาล และปลอมตัวโดยใช้ตัวตนปลอมในชื่อ ปีเตอร์ เจนเซน และแสดงเป็นคนใบ้หูหนวก อาศัยอยู่ในเยอรมัน เพื่อหาช่องทางหนึออกมา ผ่านไปหลายวันเขาก็ได้รวบรวมกำลังทหารฝ่ายสัมพันธมิตรหลายร้อยนายที่หลบซ่อนอยู่แบบเขา และพากันหนีออกมาจากเยอรมันจนได้

 

หลังจบสงครามดิ๊กบี้ได้รับเหรียญกล้าหาญ จากการนำหน่วยอย่างกล้าหาญของเขาในปฏิบัติการมาร์เก็ทการ์เดน และการช่วยเหลือทหารฝ่ายสัมพันธมิตรหลายร้อยนายให้รอดชีวิตกลับมาได้ หลับจบชีวิตราชการทหารเขาได้ย้ายไปประเทศเคนยา และทำตามความฝันของเขา คือการเป็นไกด์นำเที่ยว และนำนักท่องเที่ยวไปถ่ายภาพสัตว์ป่า อลิสัน ดิ๊กบี้ เสียชีวิตอย่างสงบในเคนยาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ.1993 ด้วยอายุ 75ปี แต่ตำนานของเขายังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน