X

“Desmond Doss” วีรบุรุษสงครามผู้ลงสนามรบ โดยไม่ยอมจับปืน

source : https://patr.io/FSopX

“ในสนามรบที่คนอื่นต่างพรากชีวิตกันและกัน ตัวผมจะช่วยเหลือชีวิตผู้คน” คำพูดจากปากของ สิบโท เดสมอนด์ โทมัส ดอส วีรบุรุษผู้ออกรบในสงครามโลกครั้งที่ 2  โดยที่ไม่ได้จับปืนยิงใครแม้แต่คนเดียว ไร้ซึ่งอาวุธป้องกันตัว ชายผู้นี้เสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมรบ โดยไม่หวั่นเกรงต่ออันตรายใดๆ ท่ามกลางสมรภูมิที่เต็มไปด้วยการฆ่าฟัน ห่ากระสุนที่พร้อมจะเจาะหัวเขาได้ทุกเมื่อ แต่ ดอส ก็ไม่ยอมให้อุปสรรคเหล่านั้นมาทำลายปณิธานอันแน่วแน่ของเขาได้ เรื่องราววีรกรรมของเขาจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟัง…

source : https://patr.io/BNH1F

เดสมอนด์ โทมัส ดอส เกิดในปี ค.ศ.1919 ในรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่เคร่งในศาสนาคริสต์อย่างมาก เขาถูกหล่อหลอมด้วยคำสอนต่างๆ จนเติบโตมาด้วยจิตใจอันดีงามชอบช่วยเหลือผู้อื่น และประกอบกิจกรรมทางศาสนาอยู่เสมอ ดอสและครอบครัว ศรัทธาในพระบัญญัติ 10 ประการ อย่างมาก ซึ่งมีข้อหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ห้ามฆ่าคน” การฆ่าคนเป็นบาปที่ร้ายแรงที่สุดในบัญญัติของพระเจ้า นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจที่จะไม่แตะต้องอาวุธใดๆในสนามรบ แต่แล้วในปี ค.ศ.1939 สงครามโลกครั้งที่สองได้เกิดขึ้น ดอส ก็ได้สมัครทหารเพื่อไปร่วมรบในสงครามครั้งนี้ด้วย ในตอนแรกครอบครัวของเขาก็ไม่พอใจ และไม่สนับสนุนเขา แต่เขาก็ได้ให้เหตุผลว่า “ผมจะทนอยู่บ้านเฉยๆได้อย่างไร หากผู้ชายคนอื่นออกไปร่วมรบเพื่อรับใช้ชาติกันหมด” ดอสสมัครเข้าร่วมกองทัพในหน่วยเสนารักษ์หรือแพทย์ทหาร โดยใส่หมายเหตุไว้ว่า เขาคัดค้านการใช้อาวุธ และขอร่วมรบโดยการไม่ใช้อาวุธ

แต่คำขอของเขาก็ไม่เป็นผล ดอสถูกส่งไปสังกัดอยู่ที่กองร้อยไรเฟิลซึ่งเขาก็ต้องจำใจฝึกอยู่ที่นั่น ในช่วงที่อยู่ที่ค่าย ดอสต้องผ่านการฝึกทหารตามหลักสูตรทหารทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นฝึกระเบียบวินัย ฝึกความแข็งแรง ฐานทดสอบกำลังใจ และที่ขาดไม่ได้สำหรับทหารเลยก็คือการยิงปืน ในขณะที่ครูฝึกสั่งให้พลทหารแต่ละคนเลือกปืนคู่ใจเพื่อใช้เป็นอาวุธประจำกายในการรบ ดอสไม่ยอมไปเลือกปืน เขาบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้ปืน ขอโทษด้วยที่เขานั้นหยิบปืนไม่ได้ เมื่อพูดเช่นนั้นครูฝึกของดอสก็ไม่พอใจ รายงานไปยังผู้กองจนเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นความผิดรุนแรง ฐานขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ถึงขั้นขึ้นศาลทหารเลยทีเดียว แต่ในขณะที่ถูกสอบ เขาก็ยังยืนยันคำเดิมกับพนักงานสอบสวนว่า ที่เขาไม่ยอมจับปืนเป็นเพราะพระเจ้าบอกว่าการฆ่าคนเป็นสิ่งที่ผิด แล้วเขายังบอกอีกว่าเขายอมทำทุกอย่างที่ทหารต้องทำ ขอแค่อย่างเดียวคือไม่จับปืนและฆ่าใคร สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ถูกปลดแถมยังได้ประจำการที่นี่ต่อในฐานะแพทย์สนาม 

source : https://patr.io/OG85c

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ ผู้กอง ครูฝึก รวมไปถึงเพื่อนๆในกองร้อย มองว่าเขามีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น หมั่นไส้เขา ไม่ชอบเขา คอยกลั่นแกล้งต่างๆนานา ทั้งใช้งานหนัก สั่งทำโทษ สั่งกักบริเวณ และถูกเพื่อนๆรุมทำร้ายในตอนดึก เพื่อนบางคนโกรธถึงกระทั่งด่าทอเขาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง บอกว่า “ดอสไม่สามารถรอดจากสนามรบได้หรอกถ้าไม่ใช้ปืน และถ้าหากว่าดอสรอดออกมาได้ เขานี่แหละจะเป็นคนยิงหัวของดอสเอง” ช่วงเวลาในการฝึกของดอสเป็นไปอย่างไม่ราบรื่นนัก แต่ดอสก็ไม่ได้ยอมแพ้แต่อย่างใด เขาอดทนต่อสู้ เขาไม่ยอมให้ใครหรืออะไร มาเปลี่ยนแปลงตัวเขาและความเชื่อของเขาได้ จนสุดท้ายดอสก็สามารถฝึกจนจบหลักสูตรการเป็นแพทย์ทหารจนได้ ก่อนจะลงสนามรบด้วยคติประจำตัวที่ว่า “ในสนามรบที่คนอื่นต่างพรากชีวิตกันและกัน แต่ตัวเขานั้นจะช่วยเหลือชีวิตผู้คน”

source : https://patr.io/AQfVx

ในปี ค.ศ.1945 กองพันของดอสก็ได้รับภารกิจ ให้ไปเข้ายึดภูมิประเทศสำคัญที่ โอกินาวา บริเวณหน้าผา Hacksaw โดยไปปฏิบัติภารกิจแทนกองพันก่อนหน้าที่พ่ายแพ้ต่อกองทัพทหารญี่ปุ่น เมื่อไปถึงสถานที่จริง หน่วยของดอสก็ได้พบกับหน้าผาที่สูงชัน จนทหารจะต้องไต่ตาข่ายขึ้นไปด้วยความยากลำบาก และเมื่อปีนพ้นขอบหน้าผาแล้วก็ยังต้องเจอกับกองทัพญี่ปุ่นที่ตั้งป้อมรออยู่ด้านบนยิงสวนมา  ด้วยภูมิประเทศทำให้ทหารอเมริกาเสียเปรียบอย่างยิ่ง แต่หน่วยของเขาก็ไม่ยอมแพ้ ปฏิบัติหน้าที่อย่างห้าวหาญ

source : https://patr.io/rY1iB

หน่วยของเขายิงต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นอย่างดุเดือด ในสมรภูมิที่เต็มไปด้วย ห่ากระสุนของทั้งสองฝ่ายลอยเคว้งไปมา ปืนกล ระเบิดมือ ปืนไฟ และอาวุธอีกมากมายที่พร้อมจะใช้ฆ่าฟันศัตรูของตน เสียงปืนดังสนั่น เสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงใดๆ ในขณะเดียวกัน เดสมอนด์ ดอส ก็ได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างสุดความสามารถ หน้าที่ ที่เขาต้องคิดถึงชีวิตของคนอื่นก่อนชีวิตตัวเองแม้จะอันตรายแค่ไหนก็ตาม หลายชีวิตที่เขาได้ช่วยไว้ และหลายชีวิตที่เขาไม่สามารถช่วยได้ทัน เขาเสียใจแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหมดกำลังใจในการช่วยเหลือเพื่อนทหารที่บาดเจ็บนอนเกลื่อนกลาดอยู่ในสนามรบ โดยวิธีการของเขาก็คือ ลากคนเจ็บจากสนามรบมาที่ขอบหน้าผา จากนั้นก็ใช้เชือกผูกกับคนเจ็บแล้วค่อยๆหย่อนลงมาเพื่อให้หน่วยแพทย์สนามที่อยู่ด้านล่างสามารถนำคนเจ็บไปรักษาต่อที่ฐานได้ แต่ในที่สุดสถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ หน่วยของดอสต้านทานกำลังของกองทัพญี่ปุ่นไม่ไหว ต้องร่นถอยลงมาตั้งหลักด้านล่างของหน้าผาก่อน แต่ดอสก็ไม่ได้ถอยออกมาด้วย เขาซ่อนตัวอยู่ในสนามรบเพราะยังมีเพื่อนทหารที่ยังไม่เสียชีวิตนอนบาดเจ็บอยู่ทั่วไปหมด ถ้าปล่อยไว้คงถูกทหารญี่ปุ่นไล่เก็บแน่ๆ

source : https://patr.io/tnx8g

ท่ามกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยทหารที่นอนรอความตายอย่างสิ้นหวัง เพราะหน่วยของตนร่นถอยกลับไปแล้ว ท่ามกลางเสียงร้องระงมอย่างเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บ ยังมีดอส ที่คอยช่วยเหลือเพื่อนทหารของเขาทีละคน ทีละคน แม้แต่เพื่อนคนที่ขู่จะยิงหัวเขาเช่นกัน ในระหว่างที่ช่วยเหลือก็ต้องคอยหลบการตรวจการณ์ของทหารญี่ปุ่นที่เดินหาคนที่ยังไม่ตายไปด้วย เขาทำอย่างนี้อย่างไม่ย่อท้อค้นหาผู้บาดเจ็บที่ยังรอดชีวิต วนเวียนอยู่ระหว่างสนามรบกับขอบหน้าผา ทำแบบนี้อยู่นานเรี่ยวแรงที่เขามีก็เริ่มหมดลง  เขาเอนกายนอนลงกับพื้น ถึงแม้ร่างกายเขาจะอ่อนแรง แต่จิตใจของเขายังคงเข้มแข็งอยู่ เขาอธิษฐานขอพรต่อพระเจ้า “ขออีกสักคน ขอให้ลูกได้ช่วยอีกสักคนหนึ่ง” แล้วเขาก็มีแรงฮึดลุกขึ้นไปช่วยเพื่อนได้อีกคนหนึ่ง เมื่อช่วยได้แล้วเขาก็อธิษฐานแบบเดิมอีก และไปช่วยเพื่อนเพิ่มได้อีกเขาทำเช่นนี้ซ้ำๆ จนไม่เหลือผู้บาดเจ็บหลงเหลืออยู่ในสนามรบอีก ทางด้านทหารที่อยู่ข้างล่างก็เกิดความสงสัยว่ามีผู้บาดเจ็บส่งลงมารักษาอยู่ตลอดทั้งคืนได้อย่างไร ผู้บังคับกองร้อยของดอสก็ได้ถามกับผู้บาดเจ็บคนหนึ่งว่าใครเป็นคนช่วยเขา แล้วมีกันอยู่กี่คน ทหารนายนั้นก็ตอบว่า “เดสมอนด์ ดอส ครับเขาทำทั้งหมดนี้คนเดียว” การกระทำอันกล้าหาญ และเสียสละของดอส ทำให้ทหารคนอื่นๆยกย่องนับถือในจิตใจของเขา วีรกรรมอันเด็ดเดี่ยวของเขาได้เป็นแรงบันดาลใจ และสร้างความฮึกเหิมให้หน่วยของเขา บุกขึ้นไปอีกครั้ง และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จ

source : https://patr.io/gxDsE

ในสมรภูมิครั้งนั้น ดอสช่วยชีวิตเพื่อนทหารของเขาได้มากถึง 75 นาย 75 ชีวิตที่รอดชีวิตจากสงครามและมีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไป หลังสงครามสิ้นสุดลงดอสได้กลับภูมิลำเนาของเขาที่อเมริกา เรื่องราวของเขาถูกเล่าขานต่อกันมากมายในกองทัพ เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทหารที่ไปรบโดยไม่ได้จับปืน ไม่ได้ใช้ปืนยิงใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่ยังรอดชีวิตมาได้มิหนำซ้ำยังช่วยชีวิตทหารอเมริกาได้อีกมากมาย วีรกรรมความกล้าหาญของเขาทำให้เขาได้รับเหรียญกล้าหาญขั้นสูงสุดของอเมริกา มอบโดยประธานาธิบดี Harry S. Truman

source : https://patr.io/udbx3

เดสมอนด์ โทมัส ดอส ได้กลับไปสร้างครอบครัวแสนอบอุ่นในบั้นปลายชีวิต และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.2006 ด้วยอายุ 87 ปี ในปี ค.ศ.2016 เรื่องราวชีวิตของเขาได้ถูกถ่ายทอดออกมาสู่สายตาสาธารณชนผ่านภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ชื่อ “Hacksaw Ridge” จากพลทหารผู้ถูกตีตราว่าขี้ขลาด อ่อนแอ ไม่ยอมจับปืน ถูกกลั่นแกล้งและใช้งานอย่างหนัก สู่วีรบุรุษที่สามารถช่วยชีวิตเพื่อนทหารไว้ได้อย่างมากมาย ความกล้าหาญ และจิตใจอันดีงามของเขา จะถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นหลัง และจะอยู่ในหัวใจเราตลอดไป…