X

แฟนบอลต้องรู้! … สงครามที่จุดชนวนจากการแข่งฟุตบอล!?

คริสต์ศักราช 1969 ประเทศฮอนดูรัส และประเทศเอลซัลวาดอร์ ได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลกันในรายการ คัดเลือกฟุตบอลโลกปี 1970 นับเป็นศึกศักดิ์ศรีระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านนี้ ที่ความสัมพันธ์ไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไร การแข่งขันแมทช์นี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด เสียงเชียร์จากกองเชียร์ในสนาม แรงกดดันจากฝูงชนทั้งสองประเทศ และหลังจากเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น สงครามก็เริ่มต้น เรื่องราวของสงครามฟุตบอลครั้งนี้จะเป็นยังไง วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟัง..

   

source : https://patr.io/Bundi

ฮอนดูรัส และ เอลซัลวาดอร์ เป็นประเทศในภูมิภาคอเมริกากลาง เอลซัลวาดอร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก แต่มีประชากรมากถึง 3.6 ล้านคนในขณะนั้น ด้วยจำนวนประชากรที่ค่อนข้างแออัดทำทำให้เอลซัลวาดอร์ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องพื้นที่ทำกิน ในขณะที่ฮอนดูรัสประเทศเพื่อนบ้าน มีขนาดใหญ่กว่าถึง 5 เท่า แต่มีประชากรเพียง 2.3 ล้านคน จึงมีพื้นที่ในการทำการเกษตรค่อนข้างเยอะ เมื่อเกิดความแตกต่างขึ้นผลที่ตามมาก็คือตลอดช่วงศตวรรษที่ 20 ชาวเอลซัลวาดอร์ได้ย้ายถิ่นฐานเข้าไปฮอนดูรัสเพื่อหาพื้นที่ทำกิน และทำงานในโรงงานผลไม้ของสหรัฐฯที่ตั้งอยู่ในฮอนดูรัส ชาวเอลซัลวาดอร์เข้าไปตั้งรกรากในประเทศเพื่อนบ้านมากถึงสามแสนคน ทั้งตามกฎหมาย และลักลอบเข้าประเทศ

source : https://patr.io/0tiDF

source : https://patr.io/piJA4

ค.ศ.1963 เศรษฐกิจของฮอนดูรัสตกต่ำลงอย่างมากจากการบริหารที่ผิดพลาดของประธานาธิบดี ชาวฮอนดูรัสเริ่มออกมาประท้วงด้วยความไม่พอใจในตัวผู้นำ ประธานาธิบดีต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้อำนาจของตนสั่นคลอน จึงโทษไปที่ชาวเอลซัลวาดอร์ที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามา ว่าพวกเขาขโมยที่ดิน ขโมยงาน และกำลังทำลายฮอนดูรัส แผนนั้นค่อนข้างได้ผล เพราะหลังจากที่พูดแบบนั้นไปชาวฮอนดูรัสก็เริ่มพุ่งเป้าไปที่ผู้อพยพชาวเอลซัลวาดอร์ เข้ากลั่นแกล้ง ทำร้าย หรือทำลายข้าวของผู้คนเหล่านั้น ชาวเอลซัลวาดอร์เริ่มอยู่อย่างลำบากก็พากันกลับประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลฮอนดูรัสก็เริ่มนโยบายขับไล่ชาวเอลซัลวาดอร์กลับประเทศ ซึ่งบางกลุ่มก็อยู่ที่ฮอนดูรัสมาชั่วชีวิตคนแล้ว

   

source : https://patr.io/piJA4

เมื่อถูกขับไล่กลับมาเอซัลวาดอร์ก็ประสบปัญหาไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องอยู่กันอย่างแออัดเป็นคนไร้บ้าน รัฐบาลเอลซัลวาดอร์โกรธมากที่ฮอนดูรัสทำแบบนี้ ก็ออกมาประท้วงนโยบายขับไล่ผู้อพยพเหล่านี้ โดยอ้างเหตุผลทางศีลธรรม แต่แท้จริงแล้วคือเอลซัลวาดอร์ก็ประสบปัญหาจำนวนประชากรล้นเช่นกัน ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกก็เริ่มต้นขึ้น!

     

ฮอนดูรัส และ เอลซัลวาดอร์ ชนะการแข่งขันในสายของตนจนอยู่อันดับแรกของตารางทั้งสองประเทศ ทั้งคู่จึงต้องมาแข่งกันในนัดตัดสินเพื่อคัดทีมเข้าไปแข่งฟุตบอลโลก ด้วยความที่ชาวฮอนดูรัส และ ชาวเอลซัลวาดอร์ เป็นพวกคลั่งฟุตบอลมาก ประกอบกับความขัดแย้งที่ทั้งสองประเทศมีอยู่ในขณะนั้น การแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้จึงเป็นไปด้วยความดุเดือดอย่างมาก โดยการแข่งในรอบคัดเลือกจะทำการแข่งสามครั้ง ในวันที่ 8,15 และ 26 ของเดือนมิถุนายนในปี ค.ศ. 1969

source : https://patr.io/NnBEA

     การแข่งครั้งแรกจัดในฮอนดูรัสซึ่งมันก็เหมือนการแข่งขันฟุตบอลทั่วไป แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือ ในคืนก่อนการแข่งขันประชาชนชาวฮอนดูรัส ได้ไปชุมนุมกันหน้าโรงแรมที่นักเตะเอลซัลวาดอร์พักอยู่ พวกเขาทำเสียงดังรบกวน และด่าทอนักเตะทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอน วันถัดมาการแข่งเริ่มต้นฮอนดูรัสเอาชนะทีมเอลซัลวาดอร์ด้วยสกอร์ 1-0 ในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน การแข่งขันจบลงแต่คนไม่จบ กองเชียร์ของทั้งสองประเทศทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันอย่างชุลมุน

   

source : https://patr.io/XZ4hz

การแข่งขันครั้งที่สองจัดขึ้นในเอลซัลวาดอร์ และแน่นอนครับชาวเอลซัลวาดอร์ไม่ลืมที่จะแก้แค้น คืนก่อนการแข่งขันพวกเขาก็ไปชุมนุมอยู่หน้าโรงแรมที่นักเตะชาวฮอนดูรัสนอน ก่อจลาจล ส่งเสียงดัง ปาข้าวของใส่กระจก จนนักเตะฮอนดูรัสไม่ได้นอนทั้งคืน เท่านั้นยังไม่พอ ในวันรุ่งขึ้นชาวเอลซัลวาดอร์ได้เปลี่ยนธงชาติฮอนดูรัสที่สนามฟุตบอลเป็นผ้าขี้ริ้วสกปรกขาดหลุดลุ่ยแทน นั่นทำให้แฟนบอลชาวฮอนดูรัสโกรธเป็นอย่างมาก หลังจบการแมทช์ ผลการแข่งขันไม่น่าแปลกใจนัก ทีมเอลซัลวาดอร์ชนะทีมฮอนดูรัสที่เหนื่อยอ่อนอย่างง่ายดายด้วยสกอร์ 3-0 และเช่นเคยแฟนบอลทั้งสองชาติเข้าต่อสู้กันหลังเกมส์จบ ในขณะเดียวกันนั่นเอง ที่ประเทศฮอนดูรัส ประชาชนไม่พอใจในผลคะแนน และการกระทำของชาวเอลซัลวาดอร์อย่างมาก ต่างพากันเข้าทำร้ายชาวเอลซันวาดอร์ในฮอนดูรัส บ้างก็ทำลายข้าวของ บ้างก็เผาบ้านพวกเขา รัฐบาลก็เพิ่มความเข้มข้นของนโยบายขับไล่ชาวเอลซัลวาดอร์ ผลักดันชาวเอลซัลวาดอร์ออกจากฮอนดูรัสกว่า 1400 คนต่อวัน

   

source : https://patr.io/ViUpC

ฟุตบอลนัดสุดท้ายจัดขึ้นที่แม็กซิโก นัดนี้เป็นนัดตัดสินว่าใครจะได้ครองที่นั่งตำแหน่งสุดท้ายเข้าไปแข่งขันฟุตบอลโลกปี1970 การแข่งขันดำเนินไปอย่างดุเดือด เมื่อครบเวลา 90 นาทีผลการแข่งขันเสมออยู่ที่ 2ประตูต่อ2 จึงต้องมีการขยายเวลาพิเศษ และในที่สุดเอลซัลวาดอร์ก็ชนะฮอนดูรัสในนาทีสุดท้ายด้วยสกอร์ 3ประตูต่อ2 ทันใดนั้นเองบรรยากาศในสนามก็เปลี่ยนไป แฟนบอลเริ่มต่อสู้กัน เกิดจลาจลด้านนอกสนาม ประชาชนของทั้งสองประเทศต่างใช้ความรุนแรงมากขึ้น มีการใช้อาวุธและรุนแรงขึ้นถึงขั้นใช้ปืน ที่ฮอนดูรัส ชาวเอลซัลวาดอร์ก็ถูกคุกคามอย่างหนัก ในที่สุดรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ก็ทนไม่ไหวที่ประชาชนของตนถูกกระทำแบบนั้น ประกอบกับความเครียดของปัญหาผู้อพยพที่ยังแก้ไม่ได้ รัฐบาลเอซัลวาดอร์จึงได้ประกาศสงครามกับฮอนดูรัสทันที

   

source : https://patr.io/oDRMU

สงครามฟุตบอลดำเนินไปยาวนานกว่าสี่วัน โดยวันแรกกองทัพเอลซัลวาดอร์ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด ไปโจมตีสนามบิน Toncontin International Airport ของฮอนดูรัส เพื่อตัดกำลังไม่ให้กองทัพอากาศของฮอนดูรัสสามารถขึ้นบินได้ ต่อมาเอลซัลวาดอร์ก็ได้เริ่มปฏิบัติการทางพื้นดิน โดยส่งหน่วยทหารราบ และรถถัง เข้าโจมตีฮอนดูรัสพร้อมกันสองทิศทางไปตามถนนเส้นหลัก วันที่สอง กองทัพเอลซัลวาดอร์ก็ได้รุกเข้ามาอย่างหนักหน่วง กองทัพฮอนดูรัสตั้งรับด้วยความยากลำบาก แต่ด้วยกำลังทหารที่ด้อยกว่า กองทัพเอลซัลวาดอร์จึงสามารถบุกทะลวงเข้ามาจนเกือบจะถึงเมืองหลวงของฮอนดูรัสซึ่งหากถูกยึดเมืองหลวงได้ ฮอนดูรัสก็จะแพ้ทันที

   

source : https://patr.io/WPfrR

ในเวลาเดียวกันนั่นเององค์กรนานารัฐอเมริกัน(The Organization Of American States) ก็ได้ร่วมประชุมกันด้วยความตึงเครียดเกี่ยวกับสงครามระหว่างเอลซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส โดยมีตัวแทนจากหลายประเทศเข้ามาปรึกษาหารือกัน จนสุดท้ายก็ได้มติเป็นเอกฉันท์ว่าสงครามครั้งนี้ควรจะต้องยุติลง องค์กรนานารัฐอเมริกันจึงเข้ามาเจรจากับเอลซัลวาดอร์แต่ก็ถูกปฏิเสธ สงครามดำเนินต่อไป วันที่สามฮอนดูรัสได้รับการสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้าน และได้สร้างสนามบินเฉพาะกิจขึ้นมา กองทัพอากาศฮอนดูรัสจึงได้บุกโจมตีฐานทัพ และที่เก็บเชื้อเพลิงของเอลซัลวาดอร์ ทำให้กองทัพเอลซัลวาดอร์ไม่สามารถส่งการสนับสนุนให้กับหน่วยทหารในแนวหน้าได้ กองทัพเอลซัลวาดอร์จึงเกิดการชะงัก ทำให้กองทัพฮอนดูรัสสามารถต้านทานได้ในที่สุด

     

วันที่สี่สถานการณ์ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเอลซัลวาดอร์ไม่ใช่ฝ่ายได้เปรียบอีกต่อไป และวันนั้นองค์กรนานารัฐอเมริกันก็ได้เข้าเจรจาอีกครั้งโดยเสนอจะคุ้มครองความปลอดภัยให้ผู้อพยพชาวเอลซัลวาดอร์ รัฐบาลเอลซัลวาดอร์จึงได้ยอมถอนกำลังในที่สุด และเซ็นสัญญายุติสงครามในวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ.1969

   

source : https://patr.io/Q3bfe

สงครามนี้เกิดขึ้น 4 วัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศถูกทำลายไปอีกหลายปี จนปี 1980 สิบเอ็ดปีถัดมา ฮอนดูรัส และ เอลซัลวาดอร์ จึงได้ประกาศเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยกันใหม่ สงครามในครั้งนั้นส่งผลให้มีคนเสียชีวิตมากถึง 6,000 คน และ บาดเจ็บอีก 15,000 คน และการนองเลือดนี้ก็ได้ถูกจดจำมาจนถึงปัจจุบันในนาม “สงครามฟุตบอล”