X

หลักสูตรปฏิบัติงานใต้น้ำ “กบน้อย”

หลักสูตรปฏิบัติงานใต้น้ำ “กบน้อย”

หลายท่านคงรู้จักหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือที่มีชื่อว่า “มนุษย์กบ” พวกเขาคือหน่วยรบพิเศษชั้นหัวกะทิของกองทัพ ซึ่งได้รับการฝึกหลายอย่างเพื่อสร้างความอดทนเหนือมนุษย์ ไม่ว่าจะดำน้ำได้ 120 ฟุต แช่ถังน้ำแข็ง อดนอนกว่า 1 สัปดาห์ ฝึกเขาแทรกซึมไปในแนวรบข้าศึกและก่อวินาศกรรมต่างๆนานา แน่นอนว่าชื่อเสียงของหน่วย Seal ต่างเป็นที่โจษจันไปทั่วอีกกองทัพไทย แต่ยังมีอีกหลักสูตรซึ่งอาจจะได้เรียกว่าเป็นน้องๆของ Seal ถึงแม้ความโหด ความหนักในการฝึกจะไม่สามารถเทียบเท่ากับ Seal ได้ แต่มันเป็นหลักสูตรเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกายและความสามารถในการปฏิบัติงานใต้น้ำของผู้รับการฝึกได้อย่างดีเยี่ยม หลักสูตรนี้มีชื่อว่า “หลักสูตรปฏิบัติงานใต้น้ำ” หรือ มีชื่อเล่นว่า กบน้อย

source : https://patr.io/tKLyJ

ต่อไปนี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์ชีวิตตลอดห้วง 1 เดือน ซึ่งผู้เขียนได้รับการฝึกในหลักสูตรนี้ สำหรับหลักสูตร “กบน้อย” นั้นถือเป็น 1 ในหลักสูตรที่รับผิดชอบโดย หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือ นสร. ซึ่งระยะเวลาของหลักสูตรอยู่ที่ราวๆ 1 เดือนหรืออาจจะนานกว่านั้น ขึ้นอยู่คำสั่งของหน่วยเหนือ ซึ่งหลักสูตรนี้มีมากกว่า 33 รุ่นแล้ว (ตัวผมเองเป็นรุ่น 33)  จุดประสงค์หรือจุดมุ่งหมายสำหรับหลักสูตรนี้คือ ผู้เข้ารับการฝึกจะต้องมีทักษะและความรู้ความสามารถ ในการดำน้ำด้วยเครื่องช่วยหายใจใต้น้ำแบบวงจรเปิด ในระดับช่วยการบำรุงรักษาตัวเรือใต้แนวน้ำ และเพื่อให้มีความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองหรือผู้อื่นได้เมื่อประสบภัยทางน้ำ

วันแรกการรับน้อง

แน่นอนว่าจะเหมือนหลักสูตรรบพิเศษอื่นๆนั้นคือ จะถูกถอดยศหมด ไม่ว่าจะจบเป็นนายทหารแล้วก็ตามก็จะถูกเรียกว่า นักเรียน เหล่า นปต จะอาศัยและทำการส่วนใหญ่อยู่ที่ฝึกเกาะพระ อยู่ในอ่าวสัตหีบ ตรงข้ามกับท่าเรือแหลมเทียน เกาะนี้ไม่มีสะพาน การข้ามฝั่งไปมาจึงต้องอาศัยเรือเท่านั้น สำหรับคนที่จะทำหน้าที่ฝึกเรา คือครูฝึก ส่วนใหญ่จะเป็นเหล่าทหารชั้นประทวน และนายทหารชั้น ข (ไม่จบจากโรงเรียนเตรียมทหารและนายร้อยสี่เหล่า) พวกเขามีหน้าที่ฝึก นปต. และอีกประเภทคือ ครูปกครอง มีหน้าที่ดูแลกำกับกิจวัตรของ นปต. ให้ดำเนินไปตาม ตารางปฎิบัติรายวัน เวลาจะทำความเคารพ ครูที่นี่ก็ให้ ตะโกนว่า “ฮูย่า ครู…..” ถ้ารู้จักชื่อให้เรียกชื่อแต่ถ้าไม่รู้จักก็ให้เรียกว่า ครูฝึก ไม่ก็ ครูปกครอง สำหรับที่ เกาะพระ จะไม่มีคำว่า ครับ แต่จะใช้คำว่า “ฮูย่า” แทน เช่น ขอบคุณครับ จะกลายเป็น ขอบคุณฮูย่า เวลาเปล่งเสียงตะโกน หรือ ขานรับ ก็ตะโกน ฮูย่า เช่นกัน

การวิ่งตามภูมิประเทศ

มาวันแรกนั้น มีพิธีเปิดหลักสูตรปฏิบัติใต้น้ำ ซึ่งมี ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ มาเป็นประธาน ก่อนที่จะ รับธงประจำหลักสูตรนั้นคือ ธงสีฟ้า มีสัญลักษณ์เป็นปลาฉลาม 2 ตัวไขว้กับสมอ หลังจากนั้น เหล่า นปต. ก็จะโดนรับน้อง โดยการพาวิ่งขึ้นเขากรมหลวงชุมพรฯ และทำการสักการะเสด็จเตี่ย ก่อนจะวิ่งลงมา เสร็จแล้วทำการว่ายน้ำข้ามฝั่งไปยังเกาะพระ ระยะทางกว่า 1 ไมล์ พอเสร็จกิจกรรมทั้งหมดนี้ก็ช่วงเวลากลางคืนพอดี เหล่า นปต.ทำการเข้าที่พักเก็บข้าวของ จัดห้องนอน จัดเตียง ดูแลความสะอาดให้เรียบร้อย และเข้าพักผ่อน 

สำหรับระเบียบปฏิบัติประจำวัน หรือ รปจ. ของที่นี่ยึดถือตามตารางที่ ออก โดย นายทหารยุทธการเป็นหลัก แต่อาจจะมีการยืดหยุ่นตามสถานการณ์ โดยปกติ นปต. จะตื่นนอนตอนเวลา 05.45 น. ก่อนจะทำการกายบริหารและโยธา หลังจากนั้น ก็จะเป็นการทำภารกิจส่วนตัวและรับประทานอาหารในเวลา 07.00 น. ก่อนรับประทานอาหารทุกมื้อ นปต. ต้องดึงข้อก่อนเสมอ หลังจากรับประทานอาหาร ก็จะไปแถวเชิญธงประจำหลักสูตร และทำการตรวจเครื่องแต่งกาย ดูตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะรองเท้าคอมแบทขัดเงาวับ หัวเข็มขัดต้องเงาทั้งหน้าและหลัง เสื้อห้ามมีขนหรือขี้เกลือ ใครแต่งตัวไม่ดีก็โดนทำโทษไปส่วนใหญ่ก็จะเป็นท่า ดันพื้น ไม่ก็ท่าบริหารกล้ามท้องอย่าง Back Flutter Kicks นอนราบ เหยียดให้ตรึงและเตะสลับไปมาเป็นท่าบริหารหน้าท้อง หลังจากตรวจเครื่องแต่งกายเสร็จก็จะเป็นการเคารพธงชาติ และเตรียมเข้าสู่ชั่วโมงฝึก

กายบริหาร

ในช่วง 2 สัปดาห์แรกจะเป็น เฟส เตรียมร่างกาย เฟสนี้จะเป็นการเตรียมแรงให้ นปต. พร้อมสำหรับการดำน้ำ โดยจะเป็นการออกกำลังกายทั้งช่วงเช้าและบ่าย บางวันก็ลามไปถึงช่วงค่ำ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งตามภูมิประเทศ วิ่งขึ้นเขา วิ่ง 3 ไมล์ วิ่ง 4 ไมล์ กายบริหารมีมากมายกว่า 60 ท่า!! ว่ายน้ำ 1 ไมล์ ว่ายน้ำ 2 ไมล์ ดำน้ำตัวเปล่าเก็บทราย ถอดเสื้อใส่เสื้อใต้น้ำ ดำน้ำผูกเชือก ว่ายน้ำทางยุทธวิธีในเวลากลางคืน แต่ละกิจกรรมหมุนเวียนทำสลับกันไปในแต่ละวันไม่ซ้ำกัน บางวันโชคดีหน่อยอาจจะมีการเรียนภาคทฤษฎีในห้อง ซึ่งเป็นการสอนเกี่ยวกับวิชาดำน้ำ เช่น ตารางความกด โรคใต้น้ำ อุปกรณ์การดำน้ำ สัตว์ทะเลและอันตรายใต้น้ำ เป็นการพักผ่อนไปในตัว พอถึงช่วงเย็นรับประทานอาหาร ทำภารกิจส่วนตัวและนอน และเมื่อถึงสุดสัปดาห์ในวันอาทิตย์ก็จะมีการปล่อยนักเรียนพักในเขตพื้นที่สัตหีบโดยเป็นการปล่อยแบบไปเช้าเย็นกลับ

การว่ายน้ำทน 1 – 2 ไมล์

พอมาถึง 2 สัปดาห์สุดท้ายจะเป็นเฟสดำน้ำ นั้นคือการที่ นปต. จะเริ่มฝึกการดำน้ำโดยใช้ถังอากาศ ซึ่งเป็นการดำน้ำแบบ Scuba แบบที่ผู้ดำสามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ โดย นปต.จะได้เรียนรู้ส่วนประกอบต่างๆของชุดดำน้ำ ตั้งแต่ถังอากาศ สาย First Stage เป็นสายที่ต่อกับถังอากาศแล้วแยกออกเป็น 3 – 4 ประกอบด้วย สายวัดความดันวัดความลึกและความกดน้ำ Mouth Piece เอาไว้คาบหายใจใต้น้ำ บางอันมี 2 Mouth Piece และสายเติมลมไว้เติมลมเพื่อช่วยในการลอยตัว ในช่วง 3 วันแรกจะเป็นการฝึกดำน้ำในสระ ฝึกการช่วยเหลือตัวเองใต้น้ำและฝึกปรับความดันใต้น้ำ หลังจากนั้นจะเริ่มเป็นการดำในทะเล มีดำตามเชือก ดำในเวลากลางคืน ดำสำรวจใต้ท้องเรือ ดำสำรวจหาของ และใน 2 วันสุดท้ายจะเป็นการดำ 30 – 90 ฟุต ซึ่งมี นปต. บางคนไม่สามารถปรับความดันของตัวเองได้ บางคนเลือดกำเดาไหล จนไม่สำเร็จภารกิจ แต่ส่วนใหญ่นั้นก็สามารถทำได้ หลังจากดำน้ำลึก 90 ฟุต ได้สำเร็จ ก็เป็นการการันตีว่า นปต. จะได้รับเครื่องหมาย สามารถปฏิบัติงานใต้น้ำ แน่นอน

การดำน้ำในเวลากลางคืน

การดำน้ำในสระ

แต่ก่อนที่จะจบยังมีอีกอีเว้นท์ 1 ซึ่งพิเศษ นั้นคือการ Survival หรือการเอาชีวิตรอดบนเกาะ โดยจะเป็นการปล่อย นปต. ให้ไปอยู่บนเกาะร้าง (ในที่นี่คือ เกาะเณร ซึ่งห่างเกาะพระไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร) และให้เอาชีวิตรอดด้วยอุปกรณ์ที่จำกัด มีให้แค่มีด เชือก ผ้าคลุม และ Mask ดำน้ำไว้หาหอย ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือหาเอาเอง หลายคนเลือกดำน้ำหาหอย หาปูซึ่งครูฝึกสอนว่า สัตว์ตัวไหนกินได้ตัวไหนกินไม่ได้  และช่างโชคร้ายมากๆ ที่ในห้วงนั้นพายุกระหน่ำฝนตกเกือบทุกวันทำให้แทบได้หลับได้นอน แต่ท้ายสุดมันก็ผ่านไปได้ 

การฝึกเอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง

หลังจากนั้น นปต. ทุกนายได้กลับมายังเกาะพระ ทำการคืนข้าวของที่เบิกมาฝึก จัดเก็บของเตรียมกลับที่ตั้ง และในวันสุดท้ายมีพิธีปิดการฝึกซึ่งมี ผบ.นสร มาเป็น ประธานเช่นเดิม คราวนี้ท่านเป็นผู้มอบเครื่องหมายสามารถ นักปฏิบัติงานใต้น้ำ ให้ นปต. ทุกนาย เป็นอันจบการฝึกอย่างเป็นทางการ เมื่อย่างเท้าออกจากเกาะพระไปในตอนนี้เราไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเพราะเราคือ นักปฏิบัติงานใต้น้ำ

สำหรับหลักสูตรนี้ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าได้ประโยชน์จริงๆ ที่มาฝึกและไม่เสียเวลาเปล่าหรือได้เครื่องหมายมาประดับเอาเท่เฉยๆ อันดับแรกสิ่งที่ได้เลยคือร่างกายที่แข็งแรงขึ้น ถึงเราจะไม่ได้ตั้งใจฝึกก็ตามแต่หลักสูตรนี้ต้องออกกำลังกายตลอดเวลา ยังไงก็ต้องฝืนทำให้ได้ โดยจากเดิมผู้เขียนวิ่งขึ้นเขาทีไรหอบทุกที แต่หลังจากฝึกกลายเป็นว่า ผมสามารถวิ่งอึดขึ้นทนขึ้น และยังวิ่งขึ้นเขาได้สบายๆ แถมยังว่ายน้ำได้เป็นชั่วโมงโดยที่ไม่หมดแรง นอกจากนี้ยังมีการฝึกทักษะการเอาตัวรอดในน้ำในรูปแบบการลอยตัวต่างๆซึ่งทำให้ไม่มีทางจมน้ำได้ง่ายๆก็นับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ท้ายสุดนี้ผมก็ภูมิใจที่สามารถผ่านมันมาได้