X

นักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งธีบส์ กองกำลังชายรักชายสุดแกร่ง

 

 

นครรัฐกรีกในสมัยโบราณอาจจะกล่าวได้ว่าบางรัฐมีการยอมรับความรักร่วมเพศ เช่นชายรักชาย ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมหนึ่งที่มีมายาวนาน แต่จะมีสักกี่รัฐที่สามารถนำเรื่อง “ชายรักชาย” มาสร้างเป็นหน่วยทหารได้ มาวันนี้จะมาพูดถึง หน่วยที่ถูกเรียกว่า นักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งธีบส์ (Sacred Band of Thebes) ที่มาของพวกเขาค่อนข้างคลุมเครือว่าเริ่มตอนไหน ว่ากันว่าพวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากงานเขียนของ เพลโต (Plato) ที่กล่าวว่า “ชายรักชายจะเป็นพลังที่แข็งแกร่ง” หรือว่าหน่วยนี้ถูกตั้งแล้วยุบ แล้วถูกตั้งขึ้นมาใหม่หลายครั้ง ถึงแม้จะไม่ชัดเจนเรื่องหลักฐานถึงเหตุที่ตั้งหน่วยนักรบ หรือ ที่มาของพวกเขา แต่พวกเขาก็ออกปฏิบัติการครั้งแรกในช่วง 382 ปีก่อน ค.ศ. อันเป็นช่วงที่สงครามระหว่างธีบส์ และ สปาร์ตา กำลังเกิดขึ้น

 

 

แผนที่กลุ่มขั้วอำนาจต่างๆในกรีก ธีบส์และพันธมิตรสีส้ม ส่วน สปาร์ตาและพันธมิตรสีแดง

ที่มา – http://1.bp.blogspot.com/-xaQ2eqW_GUc/UIVSGeBQFqI/AAAAAA AAHY0/I2iWKw9NOqo/s400/1.jpg

 

 

กอร์กิดาส (Gorgidas) นักรบชาวธีบส์ ได้คัดเลือกชาย 300 คนมาจากทุกชนชั้นในสังคม และมีความพิเศษคือพวกเขาล้วนเป็นชายรักชายหรือคู่รักกัน พวกเขาขึ้นชื่อว่าเป็นหน่วยชั้นหัวกะทิของธีบส์ หน่วยนี้มีชื่อว่า นักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งธีบส์ พวกเขาได้รบกับสปาร์ตา ครั้งแรกและพวกสปาร์ตา ได้เห็นความแข็งแกร่งของนักรบเหล่านี้ แต่ยังไม่มีการปะทะกันขั้นแตกหักของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ทั้งนี้ กอร์กิดาส ผบ.หน่วยนักรบศักดิ์สิทธิ์คนแรกก็หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในช่วง 375 ปีก่อน ค.ศ. คาดว่าเขาน่าจะเสียชีวิตไปในห้วงนั้น ผบ.หน่วยคนใหม่ชื่อ เพโลพิดัส (Pelopidas) ในห้วงนี้เกิดการปะทะกันครั้งใหญ่ที่ เทไกร่า (Battle of Tegyra) ทั้งนี้ กองทัพธีบส์ นั้นประกอบด้วย นักรบศักดิ์สิทธิ์ 300 นาย และทหารม้าธีบส์อีก 200 นาย ส่วนฝ่ายสปาร์ตา เป็นทหารราบ 1,000 นาย

 

ปรากฏว่าเมื่อปะทะกัน กับสปาร์ตาที่มีจำนวนมากกว่าแต่นักรบศักดิ์สิทธิ์สามารถยันการโจมตีของ สปาร์ตา ได้ ในขณะเดียวกันทหารม้าธีบส์ ก็โจมตีอีกด้านทำให้ฝ่ายสปาร์ตา ทำให้ฝ่ายสปาร์ตา เริ่มสับสนและเสียกำลังพลไปจำนวนมาก แม่ทัพ สปาร์ตา ขอตกลงพักรบและอนุญาตให้กองทัพธีบส์ถอยไปได้ ทั้งนี้ เพโลพิดัส ที่เห็นว่าตัวเองมีจำนวนน้อยกว่าเลยขอถอนตัวกลับ เป็นครั้งแรกที่สปาร์ตาเจอความแข็งแกร่งของนักรบศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าครั้งนี้ยังไม่ใช่ชัยชนะแตกหักแต่ชัยชนะครั้งต่อไปจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาดังกระฉ่อนไปทั่วแผ่นดินกรีก และกรุยทางให้ ธีบส์ กลายเป็นรัฐมหาอำนาจ

 

นักรบสปาร์ตาปะทะธีบส์พันธมิตร

ที่มา – https://miro.medium.com/max/1400/1*nRwPYRTD5flyNO2HK-zcGw.jpeg

 

 

ธีบส์และสปาร์ตาเริ่มมีความขัดแย้งที่ใหญ่โตขึ้นเพื่อแย่งความเป็นใหญ่เหนือกรีก ทั้ง 2 และรัฐพันธมิตรเลยทำการยุทธชี้ชะตาซึ่งเป็นการปะทะกันขนาดใหญ่ กองทัพธีบส์และพันธมิตรราวๆ 7,000 – 8,000 นาย ปะทะกับ กองทัพสปาร์ตาจำนวน 10,000 – 11,000 นาย ฝ่ายธีบส์เป็นรองเรื่องจำนวนอีกครั้ง ทั้ง 2 กองทัพปะทะกันที่ เลคตร้า (Battle of Leuctra) ผบ.กองทัพธีบส์ เอปามีโนนดัส (Epaminondas) ซึ่งในรบครั้งนี้ เอปามีโนนดัส นั้นวางขบวนรบไว้ที่ปีกซ้ายแน่นกว่าขบวนรบอื่น และยังนำหน้าด้วยนักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งธีบส์ 300 นาย เมื่อถึงเวลารบ ทหารม้าธีบส์ ได้เปรียบ และขับไล่ทหารม้า สปาร์ตา ออกจากสนามรบ เอปามีโนนดัส ได้สั่งให้ปีกซ้ายของตนรุกเข้าโจมตีปีกขวาของ สปาร์ตา ทันที ซึ่งประกอบด้วยนักรบ สปาร์ตา เสียส่วนใหญ่ ด้วยจำนวนที่มากกว่า ทำให้ ขบวนรบของ สปาร์ตา ทางปีกขวาแตกในที่สุด ส่วนที่เหลือพอเห็นพวก สปาร์ตา แตกเลยหนีตาม!! ฝ่ายธีบส์ได้รับชัยชนะในที่สุด

 

รูปขบวนแบบขั้นบันไดและความแข็งแกร่งของนักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งธีบส์ทำให้พวกเขาชนะสปาร์ตา

ที่มา – https://images.squarespace-cdn.com/content/v1/5406c773e4b087d8052ef5 8b/1437553813562-4YRIRR0U2GBLGXFPQJ50/leuctramap2.png?format=1000w

 

 

ชัยชนะครั้งนี้ได้ทำลายชื่อเสียงอันไร้เทียมทานของสปาร์ตา ธีบส์ เริ่มไล่ปลดปล่อยเมืองที่ สปาร์ตา ยึดครองทีละเมืองและทำสงครามอีกหลายระลอก แต่ในระหว่างที่นครรัฐกรีกกำลังรบกันเองและอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพื่อนบ้านทางเหนือของกรีกอย่าง มาซิโดเนีย ภายใต้การนำของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 เลยฉวยโอกาสรุกรานกรีก ทั้งนี้ กองทัพมาซิโดเนีย นั้นได้ปฏิรูปกองทัพใหม่ โดยปกติพวกกรีกรบด้วยขบวน ฮอปไลต์ ซึ่งถือหอกยาวแค่ราวๆ 2 เมตร ฟิลิปเพิ่มความยาวของ หอก จนกลายเป็น ไพค์ยาวเกือบ 6 เมตร นอกจากนี้ ภูมิประเทศทางเหนือยังเป็นที่อยู่อาศัยของม้า มากกว่าทางใต้ที่มีแต่หุบเขา ทำให้ มาซิโดเนีย ตั้งกองทหารม้าขนาดใหญ่ได้

 

ฟิลิปที่ 2 และกองทัพของเขา

ที่มา – https://miro.medium.com/max/850/1*tqZm16mmktc31Se0DjFLXQ.jpeg

 

ฟิลิปที่ 2 นำ กองทัพรุกรานกรีก และในเวลานั้น ธีบส์ ได้ร่วมมือกับเอเธนส์ เพื่อหยุดยั้งการรุกรานของมาซิโดเนีย ทั้ง 2 กองทัพได้ปะทะกันที่ แคโรเนีย (Battle of Chaeronea) กองทัพมาซิโดเนีย ประกอบด้วยทหารราบ 30,000 นาย ทหารม้า 2,000 นาย กองทัพธีบส์ – เอเธนส์ ประกอบด้วยทหารราบ 35,000 นาย ทหารม้า 600 นาย ในการรบนี้ ฟิลิปที่ 2 นำมาเอง และยังมีบุตรชายวัย 18  เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ หรือ อเล็กซานเดอร์มหาราช ในเวลาต่อมา ทหารฮอปไลต์กรีก เมื่อเจอดงไพค์ที่หนาและยาวกว่าของมาซิโดเนีย จึงไม่อาจสู้ได้ ทหารม้ามาซิโดเนียยังเหนือกว่า ไม่นานนักกองทัพกรีกก็แตกพ่ายเหลือแต่นักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งธีบส์ยังยืนหยัด อเล็กซานเดอร์ เรียกร้องให้พวกยอมจำนน แต่พวกเขาไม่ยอมและถูกสังหารจนหมด!!

หลังจากนั้นพระเจ้าฟิลิปที่ 2 พึ่งรู้ว่า นักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งธีบส์ทั้ง 300 นายนั้นเป็นคู่รักกัน ทั้งฟิลิปและอเล็กซานเดอร์ต่างประทับใจในความกล้าหาญของเขาและสร้างรูปปั้นสิงโตไว้ที่บริเวณ แคโรเนีย หลังโดนสังหารจนสิ้นที่ แคโรเนีย ก็ไม่มีการสถาปนาหน่วยนี้ขึ้นมาใหม่อีกเลย แต่ชื่อของพวกเขายังคงถูกเล่าขานกันถึงทุกวันนี้

 

 

รูปปั้นสิงห์แห่งแคโรเนียที่ยังอยู่จวบจนปัจจุบัน

ที่มา – https://cdn.britannica.com/23/204723-050-D9E87150/Lion-members-Chaeronea-statue-tomb-Sacred-Band-338-bce.jpg?w=400&h=300&c=crop