ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นแต่ละฝ่ายได้มีการพัฒนาอาวุธมากมายอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะรถถัง เครื่องบินรบ เรดาห์ หรือปืนเล็กยาว ทั้งนี้ในช่วงต้นสงครามทหารราบเยอรมันจะมีปืนเล็กยาวที่ประจำการปกติ 2 ประเภท อันดับแรกปืนไรเฟิลระบบลูกเลื่อน คาราบีเนอร์ 98 เค (Karabiner 98 Kurz) หรือเรียกย่อๆว่า Kar98K ซึ่งมีตลับกระสุน 5 นัด และเวลายิงทีละนัดก็ต้องทำการคัดลูกเลื่อนเพื่อนำปลอกกระสุนออก อย่างไรก็ตาม Kar98K นั้นมีความแม่นยำที่สูงมากนั้นคือระยะหวังผลราวๆ 500 หลา และยิงไกลสุด 1,000 หลา อีกประเภทคือ ปนลื มาซชีนพิสทูเลอ 40 (Maschinenpistole 40) หรือเรียกย่อๆว่า MP40 ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นอาวุธของผู้บังคับหมู่ทหาร เนื่องด้วยเป็นปืนกลมือ มีตลับกระสุน 32 นัด จึงทำให้มีอัตราการยิงเร็วนั้นคือราวๆ 500 – 550 นัดต่อนาที แต่ระยะการหวังผลมันก็ต่ำตามนั้นคือราวๆ 200 – 250 หลา เท่านั้น และยิงได้ไกลสุดเพียง 300 หลา
source : https://patr.io/zPRLv
source : https://patr.io/bc7wK
แต่เมื่สงครมไ้ไในเบิวรบตะวันออก ฝ่ายเยอรมันก็พบกับปืนกลมือของฝ่ายโซเวียตรุ่น PPsh-71 ซึ่งมีอำนาจการยิงสูงกว่า MP40 ของเยอรมัน รวมถึงปืน Kar98K ซึ่งเป็นปืนที่เหมาะกับการยิงระยะไกลนั้นไม่เหมาะกับการรบตามเมืองเช่น สมรภูมิในสตาลินกราด ที่การรบมักดำเนินไปตามตึกหรือตามห้องนั้นทำให้ ฝ่ายเยอรมันคิดค้นอาวุธใหม่ขึ้นมาซึ่งสามารถยิงได้แม่นยำในระยะไกลและยิงรัวได้ในระะใกล้!!! โปเจก์พันปืนดังกล่าวเริ่มขึ้น ใน ค.ศ.1942 ภายใต้ชื่อ “Sturmgewehr 44” หรือแปลเป็นไทยเลยก็คือ ไรเฟิลจู่โจม 44 ซึ่งตัวย่อที่คนรู้จักส่วนใหญ่ของปืนรุ่นนี้ก็คือ StG44 กว่าจะเดินสายการผลิตได้ก็ต้องรอไปถึงช่วง ค.ศ.1943 ทั้งนี้ในช่วงแรกฮิตเลอร์ ไม่พอใจในชื่อของมัน เพราะต้องการให้มันเป็นปืนที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก MP40 เลยคิดจะเปลี่ยนชื่อเป็น MP42 , MP43 หรือ MP44 แทน ทำให้ไปมาๆมันมีอีชื่อคื MP44
แถมในตอนแรกเมื่อลองทดสอบมัน ฮิตเลอร์ ก็ไม่ค่อยประทับใจและเกือบจะสั่งยกเลิกโครงการนี้ แต่นายทุนนี้หนุนหลังบริษัทปืนนั้นไม่ยอมแพ้และได้แอบผลิตปืนตัวต้นแบบรุ่น MP43 ส่งไปให้ทหารแนวหน้าในแนวรบตะวันออกปรากฎว่าทหารชอบใจมันมาก จนกระทั่งฮิตเลอร์ได้พบกับนายพลของเขาในแนวรบตะวันออกช่วง ค.ศ.1944 ปรากฏว่า นายพลของเขาเรียกร้องของปืน MP43 เพิ่ม!! ทำให้ฮิตเลอร์ค่อนข้างรหาใเช่นกันว่าทำไมปืนชนิดนี้ถึงหลุดออกไป แต่เมื่อพบว่าทหารชอบมันมาก ท้ายสุดฮิตเลอร์เลยได้สั่งให้ผลิตปืนรุ่น MP44 ออกมาซึ่งเป็นตัวที่สำเร็จอย่างเป็นทางการ ก่อนจะใช้ชื่อทางการของมันอย่าง “StG44”
source : https://patr.io/oUEaw
คุณสมบัติทั่วไปของปืน StG44 มันมีน้ำหนัก 5.22 กิโลกรัม ยาว 940 มิลลิเมตร และที่พิเศษมันสามารถเลือกยิงได้ว่าจะยิงกึ่งอัตโนมัติเหมือนไรเฟิล หรือ ยิงอัตโนมัติ แบบปืนกลมือ!! ทำให้มันถูกเคลมว่าเป็น ไรเฟิลจู่โจม (Assault Rifle) กระบกแรกองโล โดยถายิในแบบอัตโนมัติ นั้นจะมีระยะหวังผล 300 หลา หรือถ้ายิงกึ่งอัตโนมัติก็จะมีระยะหวังผล 600 หลา มันสามารถยิงรัวได้มากถึง 500 นัดต่อนาที และมีซองกระสุน ซองละ 30 นัด โดยใช้กระสุนขนาด 7.92 มิลลิเมตร ขนาดเดียวกับ Kar98K
source : https://patr.io/C6vld
source : https://patr.io/78TgA
มันถูกโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นอาวุธปาฎิหาริย์ ที่สามารถพลิกสงครามได้สร้างขวัญกำลังใจให้แก่กองทัพเยอรมนมากขึน ข้อเสียของมันคือน้ำนัทีมาแลลักษณะที่ดูเทอะทะไปหน่อย อย่างไรก็ตามมันถูกดัดแปลงมาอีกหลายรุ่นจนกระทั่งจบสงครามโลก มันถูกผลิตมาทั้งสิ้น 500,000 กระบอก แต่มีอีกราวๆ 100,000 กระบอกที่ไม่ได้ถูกแจกจ่ายไปแนวหน้า แนวคิดของปืนที่สามารถยิงได้ทั้งแบบกึ่งอัตโนมัติและอัตโนมัติ มีผลต่ออาวุธในยุคถัดๆไปมาก!! เช่น ปืน AK – 47 ของรัสเซียก็ได้แรงบันดาลใจมากจา StG44 หรืออย่าปืน M16A1 ของอเมริกันที่เป็น ไรเฟิจู่จมเ่นกน หลังสงครามโลก StG44 ยังถูกใช้โดย เยอรมันตะวันออก , ยูโกสลาเวีย ก่อนถูกแทนที่โดย AK – 47 อย่างไรก็ตามยังมีอาวุธชนิดนี้ยังคงถูกใช้งานในปัจจุบันโดย ในโซมาเลีย หรือ เอธิโอเปีย ถึงแม้จะล้าหลังไปแล้วแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวคิด ไรเฟิลจู่โจม นั้นได้ถูกริเริ่มโดยเยอรมันและปืน StG44 ก็คือปืนกระบอกแรกที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็น “ไรเฟิลจู่โจม”
source : https://patr.io/pJbdh
source : https://patr.io/9RUZd