X

Battle of Cynoscephalae เมื่อโรมันปราบขบวนฟาลังซ์

กองทัพมาซิโดเนียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขานั้นไร้เทียมทาน ด้วยขบวนรบฟาลังซ์อันแข็งแกร่งของพวกเขาจึงยากที่ใครจะต่อต้าน หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ก็แตกเป็นอาณาจักรเล็กๆ หลายอาณาจักรโดยที่ อาณาจักรมาซิโดเนีย (Macedonian Kingdom) ยังคงมีอำนาจเหนือดินแดน เฮลัส (Hellas) หรือกรีกในปัจจุบัน แต่ไปมาๆ มหาอำนาจใหม่จากทางตะวันตกได้ท้าทายเหล่าชาวกรีก และ มาซิโดเนีย พวกเขาคือ สาธารณรัฐโรมัน รัฐสิ่งมีนโยบายป้องกันตัวเองโดยการขยายอาณาเขต ไม่นานนัก อาณาจักรมาซิโดเนีย และ โรมัน ต้องเผชิญหน้า เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นมหาอำนาจแห่งโลกยุคโบราณต่อไป!!

 

 

แผนที่มาซิโดเนีย (สีส้ม) ในช่วง 200 ปีก่อน ค.ศ. เขตอิทธิพลของโรมัน (สีฟ้า) ส่วนสีอื่นเป็นนครรัฐและอาณาจักรกรีกอื่นๆที่เป็นอิสระที่ทั้ง โรมัน และ มาซิโดเนีย ต่างแข่งกันเขาไปมีอิทธิพล

 ที่มา – https://i.pinimg.com/564x/28/82/5a/28825a0dda5c75c6dfa3033372d68804.jpg

 

 

ทั้งนี้ในช่วงสงครามพิวนิคครั้งที่ 2 ระหว่างโรมันและคาร์เธจรัฐมหาอำนาจในแอฟริกาเหนือ มาซิโดเนีย ดันเลือกข้างที่จะไปช่วยคาร์เธจนั้นทำให้ โรมันมอง มาซิโดเนีย เป็นภัยมาตลอด เพียงแต่ยังทำสงครามได้ไม่สะดวก เพราะยังติดศึกกับคาร์เธจ เมื่อคาร์เธจรบแพ้ โรมันหันมาเพ่งเล็งมาซิโดเนียทันที!! ทั้งนี้เนื่องด้วยในเวลานั้น พระเจ้าฟิลิปที่ 5 แห่งมาซิโดเนีย (Phillip V of Macedon) ได้เริ่มขยายอิทธิพลไปทางตะวันออกหรือตุรกีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบรรดารัฐกรีกที่ไม่ได้มีอำนาจมากพวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากโรมัน โรมันเห็นเป็นจังหวะดีที่จะล้างแค้นจากสงครามครั้งก่อน สงครามมาซิโดเนียครั้งที่ 2 (Second Macedonia War) จึงเริ่มต้นขึ้น

 

ในตอนแรกสภาซีเนทของโรมันที่มีอำนาจในการตัดสินใจนโยบายของโรมันปฏิเสธที่จะทำสงครามเพราะพึ่งผ่านสงครามพิวนิคมาได้ไม่นานบ้านเมืองยังไม่ฟื้นตัวดี แต่กงสุล (Consul) ผู้มีอำนาจของโรมันในตอนนั้นอย่าง พูลบิอุส กัลบ้า (Publius Galba) ได้กล่าวว่า พวกมาซิโดเนีย ก็เป็นภัยไม่ต่างจากคาร์เธจหากต้องการให้โรมันปราศจากภัยคุกคามต้องจัดการกับพวกเขา ท้ายสุดสงครามจึงเกิดขึ้นในช่วง 200 ปีก่อน ค.ศ.  กองทัพโรมันได้ยกพลขึ้นบกที่แถบ อพอลโลเนีย (Apollonia) ทางตะวันออกของ มาซิโดเนีย พร้อมกำลังพล 20,000 นาย ฟิลิปที่ 5 ก็ทราบดีแต่กองทัพทั้ง 2 ยังไม่ได้ปะทะกันตรงๆ ทั้งพวกโรมัน และ มาซิโดเนีย ต่างออกปล้นเมืองกรีก รวมถึงหาแนวร่วมจากเมืองกรีกต่างๆให้มาสนับสนุนตน เรียกว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างพยายามดึงรัฐกรีกมาเป็นพวกและปล้นพวกที่ปฏิเสธที่จะมาเป็นพวกของตน

 

 

พระเจ้าฟิลิปที่ 5 แห่ง มาซิโดเนีย

ที่มา -https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/f2/Philip_V_of_ Macedon_coin_cropped.png

 

 

จนเวลาล่วงไปถึงช่วง 198 ปีก่อน ค.ศ. พวกโรมันได้มีการเปลี่ยน ผบ.กองทัพใหม่เป็น กงสุลหนุ่มชื่อ ติตุส ควินตุส เฟลมมินุส ( Titus Quinctius Flaminius) ซึ่งต้องการรบกับพวกมาซิโดเนียแตกหักเพราะไม่ต้องการยืดเยื้อ ทั้ง ฟิลิปที่ 5 เองก็กลัวว่าถ้าพวกโรมันอยู่ไปนานๆอิทธิพลในกรีกของตนจะเสื่อมสุดท้ายทั้ง 2 กองทัพเลยมาปะทะกันที่ บริเวณที่ราบสลับหุบเขาใจกลางกรีกที่เรียกว่า ไซโนเซฟาเล ( Cynoscephalae ) ช่วงพฤษภาคม ก่อน ค.ศ.197 กองทัพของทั้ง 2 ฝ่ายมีขนาดใกล้เคียงกัน โดยกองทัพโรมันนั้นเป็นทหารโรมันและพันธมิตรอิตาลีราวๆ 4 ลีเจี้ยน ราวๆ 20,000 นาย ซึ่งจัดขบวนรบที่มีขนาดเล็กและคล่องตัว มีทหารราบเบาพลธนู ราวๆ 1,200 – 2,000 นาย ยังมีทหารรพันธมิตรกรีก อีกราวๆ 6,000 นาย และทหารม้าโรมันและนูมิเดียนอีก 2,500 นายป้องกันปีก พวกนูมิเดียนในแอฟริกาเหนือที่เป็นมิตรกับโรมันยังส่งช้างมาช่วยอีก 20 เชือก

 

 

ติตุส ควินตุส เฟลมมินุส แม่ทัพและกงสุลโรมัน

ที่มา – http://roma-latina.com/images/fl.png

 

ส่วนทางฝ่ายมาซิโดเนีย นั้นมีทหารราบจัดในรูปขบวนรบฟาลังซ์ที่หนาแน่นขนาดใหญ่กว่า 16,000 นาย และยังมีเหล่าทหารองครักษ์ชั้นหัวกะทิของมาซิโดเนีย 2,000 นายอีกด้วย นอกจากนี้อีก 7,000 นายเป็นทหารพันธมิตรจากรัฐกรีกอื่นๆและทหารม้าอีกราวๆ 2,000 นาย ในห้วงก่อนการรบทั้ง 2 กองทัพนั้นแยกห่างจากกันโดยมีเนินเขา ไซโนเซฟาเล กั้นตรงกลาง หมอกยามเช้าก็ลงจัด ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างจัดหน่วยลาดตระเวนขึ้นไปบนเขาและไปปะทะกัน ซึ่งเป็นหน่วยลาดตระเวนที่โดนมาซิโดเนียดันลงมาจากเขา เฟลมมินุส ตัดสินใจ ส่งทหารพันธมิตรกรีกอีก 2,000 นาย  ไปหนุน จนหน่วยลาดตระเวน มาซิโดเนียต้องถอยจากเขา แต่ไม่นานพวกมาซิโดเนียก็ส่งทหารมาช่วยอีก 3,500 จนผลักพวกโรมันตกเขาไปอีกรอบ!!

 

จนหมอกเริ่มจากลงทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มจัดขบวนรบและเตรียมนำกองทัพหลักห้ำหั่นกัน แต่ปัญหาก็คือกองทัพของมาซิโดเนียกว่าครึ่งยังออกไปนอกค่ายเพื่อหาเสบียง แต่ด้วยชัยชนะบนยอดเนินที่ผ่านมาทำให้ฟิลิปที่ 5 ไม่อยากเสียโมเมนตัม ในการรุกจึงเร่งส่งกำลังที่เหลือรุกขึ้นเนิน!! แล้วค่อยให้กำลังที่เหลือตามมาเมื่อพร้อม กองทัพของโรมันเองก็บุกขึ้นเนินมาเช่นกัน โดย เฟลมมินุส นั้นใช้กำลังแค่ราวๆครึ่งเดียวในการบุกขึ้นเนิน ทั้ง 2 กองทัพก็แทบไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังจะปะทะกันเพราะหมอกยามเช้ายังไม่จางดี ท้ายสุดแล้วทั้งคู่ก็มาเจอกัน โดยกองทัพของฟิลิปที่ 5 อยู่ในที่สูงกว่า กองทหารฟาลังซ์ของกรีกดันพวกโรมันด้วยไพค์ยาวเกือบ 6 เมตรลงจากเนิน กองทัพโรมันมิอาจต้านทานขบวนรบฟาลังซ์ได้ ส่วนทหารม้าด้านปีกนั้นก็ปะทะกันอย่างชุลมุน แต่ดูแล้วทหารราบโรมันเสียเปรียบกว่าและกำลังจะโดนดันตกจากเขา!!!

 

 

ในห้วงแรกทหารราบโรมันเสียเปรียบที่ต้องปะทะกับขบวนไพค์ยาว

ที่มา – https://i0.wp.com/the-past.com/wp-content/uploads/2021/09/post-1_image0-34-scaled.jpg?ssl=1

 

สถานการณ์ของมาซิโดเนียเริ่มเป็นต่อเมื่อกองหนุนของมาซิโดเนียที่เหลือเริ่มมาถึง พวกเขากำลังขึ้นเขามาทางปีกซ้ายของ ฟิลิปที่ 5 แต่ก็ไม่ได้จัดรูปขบวนมาดีนักเพราะกำลังเร่งรีบในการเดินทัพ ส่วนกองทัพโรมันทางปีกซ้ายที่ปะทะกับฟิลิปที่ 5 ก็ค่อยๆล่าถอยลงจากเนินอย่างเป็นระเบียบ เฟลมมินุส เห็นท่าไม่ดีรีบควบม้าไปที่ ปีกขวาของโรมันที่เหลือและให้พวกเขารีบชาร์จปีกซ้ายมาซิโดเนียที่กำลังเดินขึ้นเขามาอย่างไม่เป็นระเบียบ ปีกขวาของโรมันที่มีทหารที่สดกว่าและมีช้างด้วย 20 เชือกรีบโจมตีปีกซ้ายของมาซิโดเนียที่ไร้ระเบียบ ผลปรากฏว่า ปีกซ้ายมาซิโดเนียก็เริ่มล่าถอยเช่นกัน

 

 

แผนที่การรบ 3 เฟส

1.ปะทะกันประปรายของทหารราบเบา

2.ปีกซ้ายของโรมันโดนตีจนถอยร่นลงจากเนิน ในขณะที่ กองหนุนมาซิโดเนียกำลังเร่งรีบเดินทางมา

3.ปีกขวาของโรมันตีปีกซ้ายของมาซิโดเนียจนแตกและส่งกำลังบางส่วนมาตลบหลังกองทัพมาซิโดเนียที่เหลือ

ที่มา – https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/5/53/Cynoscephalae.png

 

 

สถานการณ์รบเหมือนอยู่ในบาลานซ์เมื่อทั้ง 2 ปีกของทั้ง 2 กองทัพต่างเสียเปรียบ แต่ปรากฏว่า นายกองของโรมันคนหนึ่งได้นำทหารราวๆ 2,500 นายจากปีกขวาที่กำลังรุกไล่มาซิโดเนีย มาตลบหลังกองทัพของฟิลิปที่ 5 ที่กำลังดันพวกโรมันอยู่ พอทหารฟาลังซ์โดนตลบหลังปรากฏว่าพวกเขาก็แทบป้องกันตัวเองไม่ได้เพราะติดแหง่กในขบวนไพค์ที่แน่นและไม่คล่องตัว ขบวนไพค์ของพวกเขายังขาดการป้องกันทางหลังทำให้กองทัพของฟิลิปที่ 5 เริ่มระส่ำระสายและแตกทัพในที่สุด!! ฟิลิปที่ 5 ควบม้าหนีออกจากสนามรบ ทหารฟาลังซ์บางส่วนที่หนีไม่ทัน ก็ได้ทำการยกไพค์ของตนชี้ฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของการยอมแพ้แต่พวกโรมันที่กำลังบ้าเลือดไม่รู้เรื่องบุกเข้าไปฆ่าทหารมาซิโดเนียที่ยอมแพ้แล้วเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก!!

 

 

ทหารโรมันไล่ฟันกองทัพมาซิโดเนียที่แตกพ่ายจนล้มตายจำนวนมาก

ที่มา – https://i.pinimg.com/originals/d6/4a/08/d64a0816ad677c858f0929f7663f7b21.jpg

 

การยุทธนี้จบลงด้วยชัยชนะของโรมัน ฝ่ายโรมันเสียชีวิตไปราวๆ 2,000 นาย ส่วนมาซิโดเนียถูกสังหารไป 8,000 นาย และถูกจับเป็นเชลย อีก 5,000 นาย หลังจากชัยชนะครั้งนี้ ฟิลิปที่ 5 ลงนามในสนธิสัญญาสงบศึก โดยต้องถอนทหารจากแผ่นดินกรีกทางใต้เกือบทั้งหมด และต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามมหาศาลถึงการยุทธนี้ อาณาจักรมาซิโดเนียจะยังไม่ล่มสลายแต่ก็เสื่อมอำนาจลงมาก ทหารมาซิโดเนียที่เคยเกรียงไกรในยุคอเล็กซานเดอร์มหาราชบัดนี้ได้สยบให้โรมันซึ่งจะกลายเป็นมหาอำนาจในเวลาต่อมา