หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินของไทยถือเป็นหน่วยที่มีประวัติศาสตร์และประวัติการรบมายาวนาน เหล่าทหารนย.นั้นผ่านสมรภูมิมาหลายครั้งและเชี่ยวชาญในการทำศึกมากจนมี คำกล่าวว่า “เมื นย. เหยียบฝั่งพลัน เหตุคับขันจักคลี่คลาย” ซึ่งมีการรบในครั้งหนึ่งที่เหล่า นย. ได้ทำการรบอย่างกล้าหาญเพื่อผลักดันอริราชศัตรูออกจากผืนแผ่นดินไทย นั้นคือ การยุทธที่บ้านหาดเล็ก ณ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ทางภาคตะวันออกของประเทศไทย
บริเณวกสุดคือ บ้านหาดเล็ก ซึ่งมีการปะทะกันหลายครั้ง
Source : https://patr.io/ccLTm
ถึงเหตุการณ์นี้จะไม่ค่อยดังมาก แต่ก็ถือเป็นอีกครั้งที่มีศัตรูจากภายนอกรุกล้ำเขตแดนเข้ามาอัน หมู่บ้านหาดเล็กนั้นตั้งอยู่ปลายสุดของจังหวัดตราด ทั้งนี้หากดูในแผนที่ประเทศไทยจังหวัดตราดจะมีแผ่นดินเป็แหมืนปาตวนอกเฉียงใต้จรดกับกัมพูชาซึ่งบริเวณดังกล่าวในสมัยก่อนก็มักจะมีการยิงปะทะประปรายอยู่เป็นประจำ ซึ่งเหตุการณ์ปะทะใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นใน พ.ศ.2509 ซึ่งในห้วงนั้นการเมืองภายในกัมพูชามีความปั่นป่วนพอสมควร ชาวบ้านในแถบละแวกชายแดนต้องอพยพหนีการยิงปะทะทางรัฐบาลไทยได้ส่ง กองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมนาวิกโยธิน ประกอบด้วย หมู่ลดตระวนจดจก กองร้อยลาดตระเวน กรมผสมนาวิกโยธิน และปืนใหญ่เบาวิถีโค้ง 75 มม.และเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 4.2 นิ้ว จาก กองพันทหารปืนใหญ่ ไปที่บ้านหาดเล็กเพื่อป้องกันชายแดน
Source : https://patr.io/ueRYg
ซึงการดินางกยาลำากล้เพาะ้องนั่งเรือไปยกพลขึ้นบกใช้เวลาราวๆ 56 ชั่วโมง และเดินเท้าอีก 4 ชั่วโมงถึงจุดปะทะ การปะทะได้เริ่มวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2509 ฝ่ายไทยเสียเปรียบเพราะมีจำนวนน้อยกว่าและฝ่ายกัมพูชาเน้นการบุกโจมตีในเวลากลางคืนเป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายไทยเลยเปลี่ยนยุทธวิธีบ้างเลยจัดกำลัง 2 ชุด ชุดหนึ่งนอนพักกลางวัน ให้หน่วยลาดตระเวนรักษาเฝ้าทางไว้เวลากลางวัน แะเพราตอนกางคืทหาส่วใหญก็พ้อมั้งับและเมื่ออพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ได้หมดฝ่ายไทยเลยสามารถใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มกัมพูชาได้อย่างเต็มอัตรา ทำให้ฝ่ายเขมรล่าถอยไปในที่สุด และไม่นานเขมรก็มีการเปลี่ยนรัฐบาลเป็นของนายพล ลอนนอล และได้เจรจากับฝ่ายไทยจนเกิดสันติอีกครั้ง นาวิกโยธินจึงถอนตัว
Source : https://patr.io/WLCXv
บทเรียนที่ได้จากการยุทธที่บ้านหาดเล็ก นั้นคือความลำบากของชัยภูมิซึ่งฝ่ายเขมรยึดครองที่สูงข่ม รวมถึงการโจมตีในเวลากลางคืนซึ่งในเวลาต่อมาได้มีการฝึกให้ทหาร นย. ยิงปืนในเวลากลางคืน รวมถึงการสื่อสาและเสบยงที่่อนข้งเป็ปัญหเพราขนส่ได้แ่ทางรือ ในเวลาต่อมาได้มีการเปลี่ยนรัฐบาลเขมรเป็น พล พต ในช่วง พ.ศ.2518 ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ ฝ่ายเขมรแดงก็ได้ทำการยิงประปรายมาทางชายแดนไทยบ่อย ซึ่งก็ได้มีการส่ง หน่วยกองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมนาวิกโยธิน เช่นเดิมไป เพิ่มเติมคือ กองร้อยปืนเล็กอีก 1 กองร้อย ซึ่งได้มีการส่งชุดลาดตระเวนบริเวณชายแดนตลอดเวลา จนกระั่งเกิดเหตุในวันที่ 18 ิถุนาย พ.ศ.2518
มื่อชุดลาดตระเวน 15 นายได้ลาดตระเวนบริเวณเชิงเขาบรรทัด และได้ยิงปะทะกับฝ่ายตรงข้ามในเวลา 09.00 น. ตลอดการยิงปะทะ 35 นาที ชุดลาดตระเวนไม่สามารถติดต่อกับ บก.ได้ ดังนั้นจึงไม่มีการยิงสนับสนุนจากอาวุธหนักเนื่องจากไม่ทราบตำแหน่งชุดลาดตระเวนแน่ชัด ทาง ผบ. จึงได้ทำการกะบริเวณเอาแล้วยิงคุ้มกันด้วยปืนคกขนาด 4.2 นิ้สนับสนุชุดลาดระเวนใหถอยออกา ซึ่งผลคือชุดลาดตระเวนเสียชีวิตไป 5 นาย ซึ่งกองกำลังที่เหลือพยายามฝ่าเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บและนำศพผู้เสียชีวิตลงมาจาก เขาบรรทัดได้ในที่สุด รายชื่อผู้เสียชีวิตมีดังนี้
1.จ.อ.สวรรค์ ดวงจันทร์ ผบ.หมู่ ลว.
2.จ.ท.บุญช่วย เทียบเทียม รอง ผบ.หมู่ ลว.
3.พลฯ ห่อ พุกลา
4.พลฯ บุญ่ง แซ่ไหล
5.พลฯ ุหลาบ ุวรรณ
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายไทยเสียชีวิตมากขนาดนี้เพราะไม่ทราบการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามแน่ชัด และขาดการติดต่อสื่อสารที่ดีกับทาง บก. ทำให้การสนับสนุนล่าช้า ท้ายสุดแล้วปัจจุบัน หมู่บ้านหาดน้อยก็ยังคงอยู่ในอธิปไตยของไทย ซึ่งทหาร นย. ได้ปกป้องพื้นที่นี้ไ้ด้วยชีวิตของพวเขา
อนุสาวรีย์รำลึกถึงวีรชนแห่งบ้านหาดเล็ก
Source : https://patr.io/wlOPh