X

การเตรียมตัวขึ้นเหล่าของนักเรียนเตรียมทหาร

หลังจากที่ได้ศึกษาที่โรงเรียนเตรียมทหารมา 2 ปี เด็กมัธยมปลายคนคนหนึ่ง ได้รับการแปลงสภาพจากพลเรือนสู่ทหารอย่างเต็มรูปแบบ นตท.ชั้นปีที่2 หรือว่าที่นักเรียนใหม่ จะได้ไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเหล่าทัพต่างๆ เทียบเท่ากับระดับอุดมศึกษาที่ตัวเองได้เลือกไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว น้อยคนที่จะละทิ้งเส้นทางนี้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยเหตุผลใดๆก็ตามแต่ก็ต้องแลกมาด้วยก้อนเงินขนาดใหญ่โต เพื่อนร่วมเส้นทางจะเริ่มน้อยลงทีละนิดทีละนิดหลังจากนี้ เพื่อนของพวกเราจะไม่มีทางเพิ่มขึ้นอีกต่อไปแล้วจะมีแต่ลดลงเรื่อยๆบททดสอบใหม่ที่นักเรียนใหม่จะต้องไปเผชิญก็คือ การขึ้นเหล่าซึ่งแต่ละเหล่า ก็จะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป ขอให้นักเรียนใหม่ทุกนาย อดทน อดกลั้น และพาเพื่อนของพวกเราไปให้ถึงฝั่งให้ได้นะครับ

สำหรับการเตรียมตัว”ขึ้นเหล่า”ของนักเรียนเตรียมทหารนั้น หลายๆนายก็ต่างรู้ว่าตัวเองจะต้องไปพบกับอุปสรรคและบททดสอบที่โรงเรียนเหล่าอีกมากมาย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อถึงวันที่ดอกสุพรรณิการ์ร่วงเต็มพื้นถนนที่โรงเรียน วันที่ไส้เดือนออกมาตายตามถนน มันเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับชั้นปีที่ 2 ว่าใกล้ถึงเวลาที่จะต้องจากโรงเรียนที่สวยงามนี้แล้ว ในช่วงนี้ พวกเราต่างกันออกกำลังกายและดูแลตัวเองไม่ให้เจ็บหรือป่วย เพราะจะต้องใช้แรงอีกมหาศาลในการเป็นนักเรียนใหม่ที่โรงเรียนเหล่าทัพ พวกเราพยายามจะกินทุกอย่างที่เราได้จดไว้ให้ครบเมื่อตอนเป็นนักเรียนใหม่ที่โรงเรียนเตรียมทหาร เพราะนักเรียนใหม่ ไม่สามารถกินขนมหรืออาหารอื่นได้เลยนอกจากอาหารโรงเลี้ยง พวกเราพยายามตักตวงความสุขในวันหยุดทุกวินาที อยู่กับครอบครัว เที่ยว เล่น ทำบุญ ถ้าจะบอกว่าเป็นการสั่งเสียก็ไม่เชิง เพราะพวกเราจะต้องจากครอบครัวและโลกภายนอกไปอีกแรมปี พวกเราจะเหนื่อยในแบบที่ไม่มีใครเข้าใจเราได้ นอกจากเพื่อนของเราเอง บางคนก็เอาภาพครอบครัว “ขึ้นเหล่า” ไปด้วยบางคนก็เอาภาพแฟนไป หรือจะเป็นของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เอาไว้ดูต่างหน้าไป พวกเรารู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง แต่ไม่รู้เลย ว่ามันจะหนักขนาดไหน  พวกเราใช้เวลาอย่างมีค่ามากๆในตอนนั้น จนถึงวันขึ้นเหล่าในต้นเดือนมีนาคมวันที่เพื่อนของเราเหลือเพียงแค่ 1 ใน 4 ของรุ่น หลังจากที่พวกเรากราบพระบรมราชานุสาวรีย์เสด็จปู่ ชีวิตของนักเรียนเตรียมทหารก็สิ้นสุดตั้งแต่บัดนั้น…

นักเรียนเตรียมทหารใหม่กับนักเรียนเหล่าใหม่ แตกต่างกันมั้ย ?

คำตอบคือ แตกต่างกันมากครับการเป็นนักเรียนเหล่าใหม่นั้นพวกเราต่างก็รู้ระเบียบทหารมาก่อนแล้วพวกเราจะต้องเป๊ะในทุกๆเรื่อง มิเช่นนั้นจะมีโทษที่หนักเลยล่ะ จะไม่มีการประนีประนอมอะไรทั้งสิ้น เพราะพวกเรากำลังจะเป็นผู้ใหญ่ และผู้นำหน่วยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พวกเราจะถูกกดดันอย่างหนักตามบบททดสอบต่างๆ เพื่อสร้างภาวะผู้นำและหล่อหลอมพวกเราเป็นนักเรียนเหล่า คนที่เจ็บหรือป่วยตอนขึ้นเหล่าจะลำบากมากๆ เพราะไม่สามารถทำตามเพื่อนได้ จะถูกกดดันและเป็นที่เพ่งเล็งของนักเรียนบังคับบัญชาในกรณีที่อู้ ตีเนียน หรือเพื่อความสบายส่วนตัวก็ตาม ถ้าถูกจับได้ละก็ได้ตกนรกทั้งเป็นแน่นอน เพราะฉะนั้น การทำตามเพื่อน เหนื่อยเหมือนเพื่อน จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของนักเรียนใหม่

5 มีนาคม ของทุกปี คือวันสุดท้ายที่พวกเราจะอยู่กันในภาพรุ่นทั้งหมด อีกไม่กี่ชั่วโมงพวกเราก็จะเดินแถวไปหน้าบก.รร. เพื่อสักการะเสด็จปู่ และจะแยกย้ายขึ้นรถไป พวกเราเหล่าทหารบก เรือ และอากาศ ได้เตรียมตัวและใจมาหลายวัน โดยเฉพาะทหารบก ที่จะขึ้นเหล่าที่รร.จปร. ซึ่งจะให้เตรียมแรงหรือใจมาขนาดไหน มันก็ไม่พอเสียที ผู้อ่านคงจะสงสัย ว่าทำไมไม่พูดถึงตำรวจล่ะ ?

ตำรวจกลับบ้านครับ ขึ้นเหล่าทีหลัง พวกเรา 3 เหล่าต่างอิจฉาในความเสพของเพื่อนตำรวจ วันที่ผมเดินขึ้นรถบัสรร.จปร. ตำรวจก็ตั้งแถวกลับกองพัน พวกนั้นอาจจะไม่ตื่นเต้นกับวันนี้เสียเท่าไหร่ ส่วนตัวพวกเรานักเรียนใหม่จปร. ก็ไม่ตื่นเต้นกับวันนี้มากเหมือนกัน แต่จะหดหู่เสียมากกว่าน่ะสิ เพราะนักเรียนใหม่ของจปร. จะเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสมากๆ และเป็นช่วงที่พวกเราต่างถอดใจลาออกกันเยอะ เนื่องจากสภาพร่างกายบ้าง จิตใจบ้าง ชีวิตของนักเรียนใหม่จปร. พวกเราถูกธำรงวินัยและฝึกอย่างบ้าคลั่ง 1 วันที่มีแค่ 24 ชม. กับภารกิจเกือบทั้งวันไม่มีใครกล้าแหลมแอบพกของผิดระเบียบขึ้นไป

เพราะการเป็นนักเรียนใหม่จปร.นั้น ทำดี เหนื่อย ทำไม่ดี เหนื่อยมาก…

นักเรียนใหม่สิทธิ์เท่ากับ 0 แม้กระทั่งการเดินพวกเราก็ยังทำไม่ได้ พวกเราฝึกและโดนแดกอย่างหนักมาตลอดหลายเดือน มีภารกิจที่เป็นปัญหามาทดสอบพวกเราเป็นช่วงๆ พวกเรารอคอยวันสงกรานต์ที่จะได้ปล่อยพักบ้าน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยง่ายๆ พวกเราจะต้องทำตัวตามระเบียบตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็ตาม เพราะถ้าเราแหลม โอกาสกลับบ้านของเราจะกลายเป็น 0 ทันที นั่นก็หมายความว่า พวกเราจะต้องอยู่ยาวๆจนถึงวันที่ 5 สิงหาคมเลยทีเดียว แล้วเมื่อถึงวันนั้น พวกเราปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ การขุดเสื้อคอแดง เสื้อที่แสดงถึงการยอมรับจากพี่ๆว่าพวกเราคือนักเรียนนายร้อยอย่างเต็มตัว ถ้ายังไม่ได้ใส่เสื้อคคอแดง พวกเราก็จะต้องเป็นนักเรียนใหม่ ยืนดูเพื่อนเดินแถวกลับบ้านอีกยาวๆ

สำหรับน้องเหล่าทหารบก เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองไม่สู้ดีนัก น้องจะเป็นที่ถูกจับตาในสังคม น้องจะถูกเหยียดหยามและบั่นทอนอย่างสารพัด จงเตรียมกายและใจไว้ให้พร้อม ถึงแม้ว่าจะเตรียมเท่าไหร่ก็ไม่พอก็ตาม ทำตามเพื่อน อยู่ให้เงียบ และที่สำคัญ ห้ามกินขนมเด็ดขาด ! ขอให้โชคดีครับ

มาต่อกันที่ทหารเรือกัน เหล่านี้น้องๆจะได้ไปฝึกเรือที่ต่างประเทศทุกปีเลยนะ รู้จักไหม แคลคูลัสรักษาพระองค์ ที่นี่แหละเพราะทหารเรือนั้นพวกเราจะต้องตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งแคลคูลัสก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นักเรียนนายเรือซ้ำชั้นอยู่บ่อยๆ ใครที่เรียนไม่เก่งก็ต้องเหนื่อยมากกว่าเพื่อน ชีวิตชั้นปีที่ 1 ของนักเรียนนายเรือเปรียบเสมือนทาส ซึ่งจะเป็นทาสของทาสอีกที พวกเราถูกใช้งานอย่างบ้าคลั่งตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ คำสั่งบางอย่างมันก็ดูบ้าบิ่นเสียเหลือเกิน เช่น การไปซื้อน้ำเต้าหู้ให้พี่ๆ ซึ่งที่โรงเรียนไม่มีขาย พวกเราก็ต้องใช้วิชานินจาเพื่อให้ภารกิจลุล่วง พวกเราจะต้องพบกับฆ้องวงใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยรองเท้าหนังให้พวกเราขัดกันทั้งคืน ระบบโรงนอนของโรงเรียนนายเรือ จะเป็นการนอนรวมชั้นปี ห้องละ 3 คน เช่น 1-2-4 เป็นต้น พี่ๆก็จะดูแล ซื้อขนมให้เรา บางคนอาจจะใจดีให้ใช้โทรศัพท์ ก็ขึ้นอยู่กับพี่ที่ห้องด้วย

source:ก่อนที่ผมจะมาเป็นนายทหาร (นักเรียนนายเรือชั้นใหม่) – Pantip

ระบบอาวุโสของนักเรียนายเรือไม่ได้เข้มข้นเท่าจปร. น้องๆจะมีความสนิทสนมกับพี่ เพราะตรรกะของทหารเรือและทหารบกไม่เหมือนกัน บางครั้งพวกจปร.มาได้ยินเพื่อนนายเรือคุยกับพี่ๆก็ถึงกับงงว่า เฮ้ย แซวกันขนาดนี้จะโดนจวกไหมเนี่ย !? กระบี่สั้นที่เหน็บอยู่ข้างซ้าย นักเรียนนายเรือจะเรียกว่า มีดเหน็บ มันคือต้นแบบของกระบี่สั้นนักเรียนนายร้อยเหล่าอื่นเลยแหละ แต่การขุดของนักเรียนนายเรือ คงจะไม่สาหัสเท่านักเรียนนายร้อยจปร. อาหารของโรงเรียนก็ถูกจัดว่าอร่อยที่สุดใน 4 เหล่าทัพแล้ว แต่เรื่องระเบียบเครื่องแต่งกาย อาจจะแน่นเป๊ะสู้เหล่าอื่นไม่ได้ เมื่อถึงกีฬาเหล่า พวกเราก็ยังถูกบูลลี่ตามประสาเพื่อนในรุ่นบ่อยๆ ว่าเรามัน โทรม ! แต่พวกเราก็ยังขิงกลับในเรื่องของความเสพสบายและการไปต่างประเทศของเราทุกปี !

การขึ้นเรือไปต่างประเทศนั้น น้องจะได้รับเบี้ยเลี้ยงค่อนข้างมากกว่าเหล่าอื่นเป็นเท่าตัว บางคนเก็บไว้ซื้อของที่นู่น บางคนเก็บไว้ให้พ่อแม่ บางคน…เก็บไว้ตีหม้อ นานาจิตตัง

สุดท้าย ขอให้น้องอดหลับอดนอนให้ได้เพราะนอกจากจะถูกใช้งานแล้ว จะต้องไม่เพิกเฉยต่อการเรียนเด็ดขาด ใครที่เรียนไม่เก่ง ขอให้ขยันเข้าไว้ พยายามจบให้พร้อมเพื่อนนะครับน้องๆ

ต่อไปเรามาพูดถึงทหารอากาศขาดรักบ้างดีกว่า…

จริงๆแล้วชีวิตนักเรียนนายเรืออากาศใหม่ไม่ได้ต่างไปจากชั้น 1 มากนัก เพราะน้องๆจะต้องเป็นชั้นอาวุโสน้อยที่สุดในโรงเรียน จนกว่าจะมีรุ่นน้องตามขึ้นเหล่าขึ้นมา น้องถึงจะสบาย เหล่านี้ก็เป็นอีกเหล่าหนึ่งที่ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการเรียนได้เลย และการแข่งขันภายในรุ่นก็ค่อนข้างสูงเสียด้วย น้องคงจะรู้ดีว่าพวกเราอยากเป็นทหารอากาศเพราะอยากเป็นนักบิน แต่ความจริงแล้ว จะมีเพียงไม่กี่คนในรุ่นเท่านั้น ที่จะได้เป็นนักบินดั่งฝันของตัวเอง ชีวิตนักเรียนใหม่ของน้องคือการวิ่ง ! ใช่ครับ น้องจะได้วิ่งอย่างบ้าคลั่ง ทำอะไรไม่ถูกก็วิ่งไว้ก่อนเลย ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะอยู่ใกล้เมือง มีรถไฟฟ้า อาจจะมีโอกาสใช้วิชานินจาได้ตามความห้าวของน้องๆ (อย่าหาทำ) แต่ข่าวดีคือ โรงเรียนของน้องกำลังจะย้ายไปอยู่ที่มวกเหล็ก จ.สระบุรี และมันจะมีพื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่าที่กรุงเทพฯมากกก ! น้องๆรุ่นหลังๆก็จะได้วิ่ง วิ่ง และวิ่งอย่างสมใจปรารถนา

ถ้าถามว่าจะวิ่งตั้งแต่ตอนไหน ? คำตอบคือตั้งแต่ที่น้องลงจากรถบัสเลยจ้า~

เหล่านี้มักจะถูกเพื่อนเหล่าอื่นบูลลี่อยู่พอสมควร เนื่องจากนักเรียนนายเรืออากาศหลายนาย เป็นคนที่ขาว ตี๋ และสำอางในสายตาเพื่อนๆเหล่าอื่น แต่จริงๆแล้วพวกเข้มๆมันก็มีนะ เวลาถึงกีฬาเหล่า น้องจะโดนเพื่อนจปร. ร้องเพลงเชียร์ (จริงๆแล้วจะบอกว่าเป็นเพลงด่าก็ไม่ผิด) น้องจะโดนล้ออะไรบ้าง ไม่บอก ให้มาฟังเพลงของเพื่อนจปร.เองกับตัวดีกว่า

ภาษาอังกฤษเป็นปัจจัยสำคัญในการเรียนที่นี่ เพราะคำทับศัพท์ในวิชาที่เรียนมีเยอะมากๆ ถึงแม้ว่าน้องจะเก่งคำนวณ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักๆที่จะทำให้ผลการเรียนน้องดีแล้ว แต่ถ้าภาษาอังกฤษน้องไม่ดี พี่ๆไม่รับประกันว่าน้องจะได้เป็นศิษย์การบินนะครับผม

source:สมัครสอบ นายเรืออากาศ 2562 : นักเรียนเตรียมทหาร(นตท.) กองทัพอากาศ(ทอ.) (nine100.com)

ต่อไปนี้คือเหล่าสุดท้ายแล้ว… ตำรวจนั่นเอง

หลังจากที่เพื่อนเหล่าอื่นขึ้นเหล่าแล้ว พวกเราก็กลับบ้าน… 

เดี๋ยวครับ มันไม่ได้จบแค่นี้ หลังจากที่เพื่อนๆทั้ง 3 เหล่าได้เดินทางไปแล้ว พี่ๆเหล่าของพวกเราก็มาพบปะพวกเราเล็กน้อยก่อนแยกย้ายบางคนถ้าเขาตา

พี่เขา ก็อาจจะโดนบันทึกหน้าค่าตาเอาไว้ แล้วไปต่อกันที่โรงเรียน การพบปะครั้งนี้ทำให้เสื้อพวกเราเปียกอยู่พอสมควรเลย

source:เปิดที่มา คลิปนายร้อยตำรวจขึ้นเหล่า…เป็นกุศโลบาย "ตอนเข้าคลาน ตอนออกเดิน" (kapook.com)

การธำรงวินัยของตำรวจ มีศัพท์เฉพาะว่า “จวก” คือการแดกนั่นแหละครับ แต่เหล่านี้เขามี vocab เป็นของเขาเลย รุ่นของนรต.จะมีอยู่ 3 รุ่นด้วยกันคือ เทพ อัศวิน และอสูร น้องๆคงจะรู้ดีว่าน้องเป็นรุ่นอะไร และรุ่นอะไรปกครองน้องอยู่ หึหึ

การขึ้นเหล่าของน้องๆตำรวจนี้ ถือว่าต้องใช้เงินเยอะกว่าเหล่าอื่นเลยทีเดียว นี่ไม่ใช่ค่าตั๋วช้างแต่อย่างใด น้องจะต้องจ่ายค่านู่นนี่นั่นรวมแล้ว 40000-50000 บาท หลังจากนี้พี่ขอข้ามไปวันที่น้องขึ้นเหล่าเลยแล้วกันนะ

หลังจากที่เพื่อนๆน้องขึ้นเหล่าไปสักพักหนึ่งแล้ว ก็ถึงเวลาของพวกเราแล้ว พวกเราถอดเครื่องหมายชุดปกตินตท.ออกหมด ตั้งแถวหน้าประตูคิง ซึ่งจะเป็นประตูแรกที่น้องเข้ามาในฐานะนักเรียนใหม่ และจะออกจากประตูนี้ ในฐานะนายตำรวจป้ายแดง แต่กว่าจะได้เข้านั้น มันช่างวุ่นวายและลำบากเสียเหล่อเกิน เพราะน้องๆจะต้องคลานหรือเลื้อยเข้าทางประตูนี้ไปไง !

source:เปิดที่มา คลิปนายร้อยตำรวจขึ้นเหล่า…เป็นกุศโลบาย "ตอนเข้าคลาน ตอนออกเดิน" (kapook.com)

เอาละ หลังจากที่ได้ดื่มด่ำกันหน้าประตูแล้ว พวกเราก็ต้องมารายงานตัวกับนักเรียนบังคับบัญชาต่อ ! ซึ่งกว่าจะรายงานให้ผ่านนั้นก็โคตรยากน้องจะโดนจับผิดในทุกท่วงท่า ภาษานักเรียนเหล่าเรียกว่า หมอย ซึ่งไม่ได้หมายถึงขนใต้สะดือ แต่มันคือความจุกจิกจู้จี้รุงรังของนักเรียนบังคับบัญชา น้องจะโดนพี่ๆหมอยและจวก แล้วให้กลับไปต่อแถวรายงานตัวใหม่ บางคนก็ปาไป 3-4รอบ นักเรียนเหล่าตำรวจอาจจะไม่เหนื่อยเท่าเหล่าอื่น แต่เรื่องความเจ็บปวดทางด้านจิตใจ ตำรวจคือแรงค์ 1 นะครับ อย่างที่เราเห็น ว่าตำรวจจะต้องถูกด่าและจับผิดอย่างสารพัด มีคนอยู่มากมายที่ไม่ชอบตำรวจ พวกเราจึงต้องอดทนต่อความเจ็บใจ และไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบากกับบททดสอบในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ได้

การเรียนของตำรวจจะไม่ได้คำณวณมากมายเหมือนตอนอยู่เตรียมทหารแล้ว น้องจะหันมาอ่านกฎหมายแทน พี่แนะนำว่าถ้าน้องปูพื้นฐานกฎหมายตั้งแต่ตอนนี้ การเริ่มต้นที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจก็คงไม่เหนื่อยมาก อ่านหนังสือเยอะๆนะครับน้องๆ

จบแล้วครับสำหรับการเตรียมตัวขึ้นเหล่าของนตท.ที่พี่ๆพอจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในช่วงนั้นมาเล่าให้ฟังได้ พี่ๆได้พยายามนึกย้อนไปอย่างสุดความสามารถแล้ว คงทำได้เพียงเท่านี้ จริงๆแล้วอยากจะโม้อีกมากมาย แต่คิดว่าให้น้องๆมา(โดนแดก)ที่เหล่าเองดีกว่า ไม่อยากสปอยเยอะ ถ้าจะถามว่าที่สุดของแต่ละเหล่าคืออะไร สำหรับพี่นั้น ความดิบและบ้าพลังคงต้องเป็นของจปร. การเปิดหูเปิดตาและประสบการณ์คงเป็นของนายเรือ การวิ่งต้องยกให้ทหารอากาศ ส่วนความเสพก็ต้องยกให้ตำรวจ 

จริงๆแล้วมันก็เหนื่อยทุกเหล่าแหละครับ ชีวิตนักเรียนใหม่ของน้องๆ จะกลายเป็นเรื่องตลกในวงเหล้าในอนาคต นี่คือโชคชะตาที่มิอาจหลักเลี่ยง ขอให้น้องๆทุกนาย อดทน อดกลั้น พาเพื่อนๆข้างๆน้องจบไปด้วยกันนะครับ โชคดีครับ