X

กองทัพแห่งสาธารณรัฐโรมัน เครื่องจักรสงครามผู้สร้างรัฐ

“โรมัน” หลายคนๆคนคงได้ยินคำๆนี้บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็ตาม แน่นอนว่าเป็นรัฐโบราณที่รุ่งเรืองมาหลายพัน และพึ่งมาล่มสลายเอาจริงๆก็ช่วง ค.ศ.1453 ทั้งนี้พวกเขาแม่แบบทางวัฒนธรรมให้กับชาติตะวันตกหลายชาติที่เกิดมาภายหลัง แต่สิ่งใดนั้นที่ทำให้โรมันเกรียงไกรได้ ส่วนหนึ่งนั้นคือกองทัพของพวกเขานั้นเอง โรมัน คือชนชาติที่ชอบทำสงคราม พวกเขาจึงต้องมีกองทัพที่แข็งแกร่งไว้กำราบข้าศึกและขยายอิทธิพลไปทั่วหล้า มาวันนี้เราจะมาพูดถึงกองทัพโรมันช่วงแรก นั้นคือ กองทัพของสาธารณรัฐ ครับ

 

ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า โรมูลุส (Romulus) นั้นได้ก่อตั้งเมืองตามชื่อตัวเอง ริมฝั่งแม่น้ำ ไทเบอร์ ซึ่งนั้นก็คือกรุงโรม ในช่วง ก่อน ค.ศ.750 บริเวณนั้นมีชาวละติน ชาวซาบีน และ อีทรัสกัน อาศัยอยู่รวมๆกัน ในเวลาต่อมา คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณกรุงโรมและรอบๆก็เรียกตัวเองว่า โรมัน แต่ในช่วง ก่อน ค.ศ.509 ได้มีการปฏิวัติขึ้น กษัตริย์แห่งโรมโดนไล่จากบัลลังก์ โรมันได้กลายมาเป็น สาธารณรัฐโรมัน แทน แต่ด้วยความเป็นรัฐที่ก่อตั้งใหม่และไม่ได้เข้มแข็งมาก โรมัน รับวัฒนธรรมมาจากภายนอกเช่น อีทรัสกัน และ กรีก รวมพวกชนป่าเถื่อนทางเหนืออย่างพวก เคลต์ ก่อนนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง

 

 

ตำนานผู้ก่อตั้งกรุงโรม โรมูลุส และ รีมัส ซึ่งถูกเลี้ยงดูโดยหมาป่า

ที่มา – https://cdn.britannica.com/77/179477-138-5280679A/Overview-founding-discussion-Rome-Romulus-and-Remus.jpg?w=800&h=450&c=crop

 

 

ในห้วงแรกกองทัพโรมันยังอิงมาจากรูปแบบกรีก นั้นคือขบวนรบแบบฮอปไลต์ (Hoplite) อันเป็นทหารถือหอกและโล่กลมจัดในขบวนราวๆ 300 นาย ซึ่งพวกเขาก็คือชาวบ้านที่โดนเรียกมารบตามวาระก่อนถูกปลดเมื่อสงครามจบ พอกลายมาเป็นสาธารณรัฐ ในเวลานั้นโรมันปกครองโดยกงสุล (Consul) 2 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง พวกเขามีสิทธิ์ในการบัญชากองทัพกันคนละครึ่ง แต่กองทัพในรูปแบบกรีกนั้นไม่เหมาะกับการใช้ในภูมิประเทศที่มีหุบเขาสลับไปมาแบบอิตาลี รวมถึงความพ่ายแพ้หลายครั้งทำให้เกิดมีความคิดที่จะปฏิรูปกองทัพขึ้นมา จากเดิมที่ ทหารโรมันในสมัยก่อน ถูกเกณฑ์และนำโดยหัวหน้าชุมชนในท้องถิ่น โดยมีการกำหนดกฎการเกณฑ์ทหารใหม่นั้นคือชายที่มีอายุตั้งแต่ 17 – 46 ปี ในภาวะคับขันอาจจะลดเกณฑ์เป็น 16 – 50 ปี  และมีทรัพย์สินตั้งแต่ 400 เดนารี (denarii) สกุลเงินของโรมัน ต้องมีหน้าที่ในการรับใช้รัฐ โดยผู้ยิ่งมีเงินเยอะก็ยิ่งเป็นทหารที่ชั้นสูงขึ้น

 

 

กองทัพโรมันในห้วงแรกยังมีระบบการจัดการแบบชนเผ่าและรับอิทธิพลของกรีกมา

ที่มา -https://weaponsandwarfare.files.wordpress.com/2017/06/amazing_facts_roman _army_early_republic_2.jpg

พวกเขาต้องรับใช้กองทัพเป็นเวลา 6 ปี  หรือนานกว่านั้นก็ได้ถ้าใจต้องการ ค่าใช้จ่ายราวๆ 1 ใน 3 รัฐจะเป็นคนออก ส่วนที่เหลือรวมถึงอาวุธและชุดเกราะพลเมืองต้องไปหาซื้อเอาเอง ต่อมาคือการแบ่งคลาสทหาร คลาสแรกนั้นคือ ฮัสตาติ (Hastati) เรียกได้ว่าเป็นทหารอายุน้อยและประสบการณ์ต่ำสุดเกณฑ์มาจากคนอายุ่ 17 – 24 ปี อาวุธหลักพวกเขาคือ ดาบสั้นกลาดิอุส (Gladius) ที่หนาและสั้นเหมาะกับการนำมารบระยะประชิด หอกเขวี้ยงปิลุม (Pilum) ซึ่งใช้เขวี้ยงใส่ข้าศึกก่อนการรบ โล่สี่เหลี่ยมสกูตัม (Scutum) ซึ่งทำจากไม้หน้าปกป้องตั้งแต่บริเวณคอถึงเข่า พวกเขาสวมเกราะบริเวณอกถึงช่วงลำตัว และหมวกเหล็ก

 

ฮัสตาติ และ อาวุธหลักของพวกเขา ดาบสั้นกลาดิอุส หอกเขวี้ยงปิลุม โล่สี่เหลี่ยมสกูตัม และ เกราะอก

ที่มา – https://static.wikia.nocookie.net/totalwar-ar/images/2/27/Hastatus.png/revision /latest?cb=20200401203008

 

 

คลาสที่ 2 พรินซิป (Principes) พวกที่มีอาวุโสและเงินมากกว่าพวก ฮัสตาติ เกณฑ์มาจากคนอายุ 24 – 30 ปี อาวุธหลักๆก็คล้ายๆ ฮัสตาติ แต่มีเงินพอซื้อ เกราะโซ่ถักมาคลุมปกป้องทั้งตัวตั้งแต่หัวไหล่ยันเข่า และ คลาสสุดท้ายคือ ทริอารี (Triarii) พวกนี้คือพวกที่แก่สุดและประสบการณ์มากที่สุด พวกนี้รบแบบฮอปไลต์ หรือขบวนหอกยาวแบบกรีก มีอาวุธหลักเป็นหอกยาว 3 เมตร อาวุธรองคือดาบ มีโล่สี่เหลี่ยมเช่นกัน และมีเกราะโซ่ถักสวมใส่เช่นเดียวกับพรินซิป

 

พรินซิป อาวุธหลักคล้าย ฮัตาติ เว้นแต่เกราะโซ่ถักที่ช่วยป้องกันได้มากกว่า

ที่มา – https://www.andysplasticfigures.co.uk/ekmps/shops/9663ff/images/hat-1-72-hat8017-republican-romans-principes-triarii-ancients-1179-p.png

 

 

ทรีอารี ทหารผู้ช่ำชองสุดและใช้หอกเป็นอาวุธหลัก

ที่มา – https://imperiumromanum.pl/wp-content/uploads/2017/08/Triarius.jpg

 

 

นอกจากทหารราบที่รบในแถวแล้ว โรมันยังมีทหารราบเบาที่เรียกว่า วิลิท (Velites) เป็นทหารที่ไม่สวมเกราะ ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่มักจะหนุ่มและจนไม่มีปัญญาซื้อเกราะมาใส่ พวกเขาถือโล่กลมเล็กเพื่อความคล่องตัว และสวมเสื้อคลุมหนังหมาป่า อาวุธหลักของพวกเขาคือหอกเขวี้ยงและสลิงหิน ซึ่งเป็นอาวุธโจมตีระยะไกล จะทำหน้าที่โจมตีแนวรบข้าศึกเพื่อทำให้เกิดความเสียหายบ้างก่อนจะล่าถอย

 

 

ทหารราบเบา วิลิท มีหน้าที่ก่อกวนแนวรบ

ที่มา – https://imperiumromanum.pl/wp-content/uploads/2017/08/Welita.jpg

 

 

โรมันยังมีทหารม้าที่เรียกว่า  เอควิตัส (equites) หรือภาษาอังกฤษคือ อัศวิน พวกเขาคือเหล่าชนชั้นสูงที่มีปัญญาหาม้ามาขี่ได้ ซึ่งพวกเขาได้ก็อปอาวุธและโล่ของทหารม้ากรีกมาใช้ แต่ทหารม้าโรมันนั้นไม่ได้เก่งฉกาจอะไรมาก พวกโรมันจึงมีกองกำลังอีกประเภทคือกองกำลังพันธมิตรที่อาจจะเชี่ยวชาญทักษะในการต่อสู้แบบอื่นเช่นทหารม้าหรือแบบทหารราบเบา เช่นพลธนูจากเกาะครีต ทหารม้าเบาจากแอฟริกาเหนือ สำหรับพันธมิตรในคาบสมุทรอิตาลีก็จะมีการจัดกำลังคล้ายๆแบบของโรมัน

 

ทหารม้าโรมัน

ที่มา – https://i.pinimg.com/originals/2d/ab/22/2dab22585ecc78a4465dd297016cfc48.jpg

 

มาถึงเรื่องการจัดกำลังบ้าง โดยโรมันนั้นมีการจัดกำลังที่แบ่งประเภทชัดเจน โดยหน่วยย่อยสุดของกองทัพโรมันคือ เซนจูรี่ (Century) หรือหากเทียบกับสมัยใหม่ก็ประมาณ กองร้อย โดยมี ผบ.ก็คือ เซนจูเรี่ยน (Centurion) สำหรับเซนจูรี่ของ ฮัสตาติ และ พรินซิป จะมี 60 นาย ของ ทรีอารี มี 30 นาย ในเวลารบ 2 เซนจูรี่ จะมารวมกันเป็น 1 มานิปูล่าร์ (Manipular) รวมถึงมานิปูล่าร์ของ วิลิท ด้วยอีก 120 นาย ซึ่งเวลาทำการรบแล้วหลายๆ มานิปูล่าร์ จะรวมตัวกันกลายเป็น ลีเจี้ยน (Legion) โดย 1 ลีเจี้ยนของโรมันนั้น หลักฐานแต่ละที่ให้ไม่ตรงกันแต่ประมาณว่า 1 ลีเจี้ยนมีทหารราบๆ 4,000 – 4,200 นาย และทหารม้าอีก 200 – 300 นาย

 

โดย แถวแรกของ ลีเจี้ยน จะเป็น ฮัตตาติ 10 มานิปูล่าร์ (1,200 นาย) แถวที่ 2 จะเป็น พรินซิป อีก 10 มานิปูล่าร์ และแถวสุดท้าย แถวที่ 3 จะเป็น ทรีอารี อีก 10 มานิปูล่าร์ (600 นาย) นอกจากนี้จะมีพวกทหารราบเบายืนนอกแถว ทำหน้าที่ก่อกวนข้าศึกและเป็นกองระวังหน้าให้ขบวนรบหลัก ขบวนรบนี้จะถูกเรียกว่า ขบวนรบ 3 แถว (Triplex Acies) ทั้งนี้ทหารระหว่างแถว หรือ ระหว่าง มานิปูล่าร์ จะยืนห่างกันหลวมๆ ทำให้เกิดความอ่อนตัวในขบวนรบ หาก มานิปูล่าร์ ไหนแตกหรือต้องการความช่วยเหลือ ทหารอีกมานิปูล่าร์จะสามารถมาช่วยได้อย่างรวดเร็ว และ มานิปูล่าร์ ที่เหนื่อยก็สามารถถอยไปและสลับให้ มานิปูล่าร์ มารบแทนได้

 

 

ขบวนรบ 3 แถวของโรมัน เมื่อจัดทหารได้ 1 ลีเจี้ยน เห็นได้ว่าทหารราบเบาจะล่วงหน้าไปก่อน ทหารม้าคุ้มกันปีก และทหารราบทั้ง 3 คลาสวางตัวกันหลวมๆ แต่ละมานิปูล่าร์ วางห่างกัน

ที่มา – http://cormacogibne.weebly.com/uploads/2/4/0/5/24056217/4945826.gif?427

 

ในการรบนั้น มานิปูล่าร์ ของ ฮัตตาติ จะเข้าปะทะก่อน ถ้า ฮัตตาติ สู้ไม่ไหวก็จะส่ง พรินซิป ไปสู้ต่อ และถ้ายังไม่ไหวอีก ทรีอารี จึงจะได้ออกโรง ทั้งนี้ หากกองทัพพ่ายแพ้จริงๆ ทรีอารี จะเป็นคนยันให้ กองทัพหลักอื่นๆล่าถอยไปได้ กองทัพแห่งสาธารณรัฐโรมันนี้เองที่ทำเป็นตัวขับเคลื่อนรัฐพิชิตอาณาจักรต่าง ๆ มาหลายอาณาจักร เช่น อาณาจักรกรีกต่างๆที่เคยอยู่ใต้อำนาจอเล็กซานเดอร์มหาราช พวกชนป่าเถื่อนทางเหนือ และพวกคาร์เธจ ในแอฟริกาเหนือ จนนักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยได้ขนานนามว่า กองทัพโรมัน คือกองทัพที่แข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่โลกมีมา จนกระทั่งเริ่มถึงช่วง 100 ปีก่อน ค.ศ. ที่ระบบกองทัพโรมันแบบเก่าเริ่มมีปัญหาและต้องมีการปฏิรูปเป็นกองทัพรูปแบบใหม่แทน แต่แน่นอนปฏิเสธ ไม่ได้ว่ากองทัพสาธารณรัฐเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งและกรุยทางโรมันเป็นมหาอำนาจที่โลกต้องจารึกไว้ในอนาคต

 

กองทัพโรมันทำสงครามกับคาร์เธจรัฐที่ทรงอำนาจในแอฟริกาเหนือ

ที่มา – https://i.pinimg.com/736x/13/6d/8f/136d8f08b6d1a0f656552defeaa13dd8–punic-wars-roman-warriors.jpg