เปอร์เซีย จักรวรรดิมหาอำนาจแห่งยุคโบราณซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเคยยิ่งใหญ่และเกรียงไกรที่สุดในช่วงหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์โลก จักรวรรดิเปอร์เซีย จักรวรรดิเปอร์เซียที่ถูกเรียกว่าเป็น จักรวรรดิเปอร์เซียแรก ซึ่งเป็นจักรวรรดิที่โด่งดังที่สุดนั้นมีชื่อว่า จักรวรรดิอะคีเมนิด (Achaemenid Empire) ภายใต้การปกครองของ ราชวงศ์ อะคีเมนิด โดยมันเริ่มก่อตั้งในช่วงราวๆ 550 ปีก่อน ค.ศ. โดยพระเจ้าไซรัสมหาราช และเริ่มแพร่อำนาจไปเรื่อยๆ จนอาณาเขตในช่วงพีคสุดนั้นทางตะวันออกจรดอินเดียและทางตะวันตกจรดตุรกี
เปอร์เซียนั้นได้สรรค์สร้างหลายอย่างให้กับโลกใบนี้ ทั้งระบบไปรษณีย์ ซึ่งพวกเขาได้สร้างถนนกว่า 2,500 กิโลเมตรพาดผ่านไปตลอดจักรวรรดิเพื่อการคมนาคมและส่งข้อความที่รวดเร็ว เปอร์เซียยังส่งอิทธิพลต่อศาสนาเอกเทวนิยม หรือ ศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว ซึ่งคาดการณ์ว่าศาสนา โซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism) ซึ่งเป็นศาสนาที่ชาวเปอร์เซียส่วนใหญ่นับถือ เป็นบ่อกำเนิดของศาสนายิว (ซึ่งยิวก็ให้กำเนิดคริสต์กับอิสลามในภายหลัง) จักรวรรดิเปอร์เซีย ยังส่งอิทธิพลต่อโลกอาหรับในยุคหลังทั้งวิถีชีวิต และ วัฒนธรรม
จักรวรรดิเปอร์เซียในช่วงรุ่งเรืองถึงขีดสุด
ที่มา -https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/91/Persian_empire_490bc_Bactria.gif
นอกจากนี้แล้วการรักษาจักรวรรดิให้มั่นคงนั้นย่อมต้องพึ่งกำลังทหารอันแข็งแกร่งแน่นอนว่า เปอร์เซีย มหาอำนาจทางทหารแห่งโลกยุคโบราณ ซึ่งวันนี้ จะมาพูดถึงหน่วยรบซึ่งได้รับการขนานนามว่า “Immortal” หรือ อมตะ ทั้งนี้ เรื่องราวของพวกเขาส่วนใหญ่ถูกกล่าวถึงในประวัติศาสตร์กรีก โดยคาดว่า หน่วยรบอมตะถูกตั้งโดย พระเจ้าไซรัสมหาราช ซึ่งในห้วงแรกรายละเอียดของพวกเขายังไม่มากนัก กองทัพของไซรัส นั้นได้มีการตั้งกองทัพประจำการขึ้นมาแต่ยังอาศัยทหารชาวบ้านจากเมืองขึ้นต่างๆ แต่กองทัพประจำการของเปอร์เซียนั้น จะเป็นชาวเปอร์เซีย และ ชาวมีดส์ (Medes) เท่านั้น ซึ่งเหล่า นักรบอมตะนั้นก็ถูกคัดเลือกมาจากบุตรหลานชนชั้นสูงชาวเปอร์เซียและมีดส์ การฝึกของพวกเขาได้รับการบรรยายว่า
“ตั้งแต่ 5 ขวบ พวกเขาถูกฝึกให้ใช้อาวุธเช่น หอกซัด ธนู พวกเขาถูกฝึกให้อดทนต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆไม่ว่าจะหนาวเย็นหรือกันดาร พวกเขาได้รับอาหารแค่พอเพียงต่อการอยู่อาศัย ในขณะเดียวกันพวกเขาได้รับการสอนให้มีความรู้ทั้งเรื่องศาสนา ประวัติศาสตร์และความภักดีต่อกษัตริย์”
รูปสลักของนักรบ “Immortal”
ที่มา – https://images.immediate.co.uk/production/volatile/sites/7/2022/01 /GettyImages_113636452-b50aee6.jpg
สาเหตุที่หน่วยรบนี้ได้ชื่อว่า นักรบอมตะ นั้นก็เพราะพวกเขาต้องมีจำนวน 10,000 นาย ถ้าเสียชีวิตเมื่อไหร่ก็ต้องรีบหามาทดแทนทันที!! เสมือนว่าพวกเขาเป็นอมตะ และก็ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาใช้ยุทโธปกรณ์แบบไหน เฮโรโดตัส (Herodotus) นักประวัติศาสตร์กรีกได้บรรยายว่า
“พวกเขาสวมหมวกผ้า และใส่สีผ้าหลากสี รวมถึงเกราะรูปร่างเหมือนเกล็ดปลาทำจากโลหะ โล่พวกเขาทำจากหวาย อาวุธของพวกเขาคือหอกสั้น ธนูขนาดใหญ่ และกริช ในการรบพวกเขายังมีเกวียนบรรทุกสัมภาระอันบรรทุกทรัพย์สินจำนวนมากทั้งทอง เครื่องประดับต่างๆ ทาส และนางสนม ”
ซีโนฟอน (Xenophon) ได้บรรยายอีกว่า “พวกเขาสวมหมวกและเกราะทำจากบรอนซ์ ม้าของพวกเขายังสวมเกราะทำจากบรอนซ์”
ที่มา – https://cdna.artstation.com/p/assets/images/images/031/978/552/large/alonso-vega-immortals.jpg?1605126004
เหล่านักรบอมตะเป็นทหารคู่บารมี ชาห์ (ราชาเหนือราชัน) แห่งเปอร์เซีย มาอย่างยาวนาน พวกเขาช่วยให้จักรวรรดิเปอร์เซียแพร่ขยายอำนาจไปยังไพศาลและพิชิตอาณาจักรได้หลายแห่ง เมื่อเปอร์เซียทำการรุกรานกรีกและได้ปะทะกับกองทัพสปาร์ตาและพันธมิตรที่ช่องเขา เทอโมไพลีย์ ผลปรากฏว่ากองทัพเปอร์เซียเข้าตีพวกสปาร์ตากี่ระลอกก็ไม่แตกโดนดันกลับมาทุกระลอก จนพระเจ้าเซอร์เซสที่ 1 (Xerxes I) ได้สั่งให้หน่วยรบอมตะเข้าต่อตีกับ สปาร์ตา แต่ผลปรากฏว่าพวกเขาก็โดนดันกลับมาอยู่ดี!! เพราะอาวุธโดยรวมเช่นหอกเขาเปอร์เซียที่สั้นกว่า เกราะที่บางกว่าและสภาพภูมิประเทศที่คับแคบทำให้พวกเขาโจมตีไม่สำเร็จ ในเวลาต่อมา พระเจ้าอเล็กซานเดอร์รุกรานเปอร์เซียและทำให้เปอร์เซียล่มสลาย หน่วยรบอมตะดูเหมือนว่าจะโดนยุบทิ้ง
ที่มา – https://defenceredefined.com.cy/wp-content/uploads/2020/08/300-spartans.jpg
กาลเวลาผ่านไปหลายร้อยปี เมื่อจักรวรรดิเปอร์เซียกลับมาอีกครั้งภายใต้ ราชวงศ์ ซาซาเนียน พวกเขาได้พยายามตั้ง “Immortals” ของตนเองขึ้นมาโดยเป็นกองทหารม้าหุ้มเกราะหนัก ล่วงเลยมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ชาห์องค์สุดท้ายแห่งเปอร์เซีย โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี (Mohammad Reza Pahlavi) ก็ได้ตั้ง กองทหารอมตะ ขึ้นมาเป็นทหารรักษาพระองค์ เป็นกองกำลังระดับกองพลน้อย ประกอบด้วยกองพันทหารราบและรถถัง แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติอิหร่านขึ้นใน ค.ศ.1979 พระเจ้าชาห์ลี้ภัยและ หน่วยรบอมตะ ก็โดนยุบในที่สุดเป็นอันปิดตำนานพวกเขาไปจากหน้าประวัติศาสตร์
ที่มา – http://1.bp.blogspot.com/_-HE1lR1mlb8/SfTAlZ9lvHI/AAAAAAAAAJQ/Okpx9-0j5OQ/w1200-h630-p-k-no-nu/Guard-e_Javidan_1975.jpg