อาวุธปืน นั้นถือเป็นอาวุธประจำกายของทหารทุกนายทั่วโลก หรือแม้แต่พลเรือนทั้งหลายก็มักจะหามันครอบครองถ้ามีเงินหรือกฎหมายเอื้อให้มีมัน แน่นอนว่ามันมีทั้งประโยชน์และโทษ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีผลกระทบกับสังคมเว บทความนี้จะมาพูดถึงการถือกำเนิดของ อาวุธปืนเล็กยาว หรือ ปืนที่มนุษย์สามารถหยิบมันขึ้นมายิงได้ด้วย 2 มือ ไม่ใช่ปืนที่ใหญ่โตจนต้องใช้หลายสิบคนในการช่วยกันยิงมัน การถือกำเนิดของดินปืนนั้นต้องย้อนไปตั้งแต่ยุคกลาง ในแผ่นดินจีนที่เริ่มมีการพัฒนาดินปืนขึ้นมาใช้ในอาวุธสงครามโดยในห้วงแรกจะใช้เป็นระเบิดที่ติดตรงปลายหัวลูกธนู
อาวุธดินปืนของจีนสมัยราชวงศ์ซ่ง
ที่มา – https://www.brown.edu/Departments/Joukowsky_Institute/courses/13things /files/6113014.jpg
และในเวลาต่อมามันก็ได้แพร่หลายมายังยุโรปในห้วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 แต่บางหลักฐานกว่ายุโรปนั้นคิดินปืไ้อโยที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากจีน อย่างไรก็ตามก็ มีการเขียนสูตรดินปืนขึ้น โดย โรเจอร์ เบคอน บาทหลวง และ นักปรัชญา ชาวอังกฤษ ซึ่งมีการบันทึกว่าเขาได้ค้นพบดินปืน และส่วนประกอบส่วนใหญ่ของมันคือ ดินประสิว ถ่าน และ กำมะถัน สำหรับยุโรปนั้น ยังไม่มีการคิดอาวุธดินปืนที่สามารถทำให้คนเดียวๆยิงมันได้ ในห้วงแรกพวกเขาเริ่มมีการใช้มันเป็นกระสุนสำหรับเครื่องิงหิน ตอมก็ีกรหอมเบ้าเหล็กขนาดใหญ่ที่ใช้แรงขับจากมันในการส่งกระสุนเช่นหินหรือเหล็ก พุ่งออกไปด้วยโมเมนตัม มหาศาลแน่นอนว่าสิ่งนี้จะพัฒนากลายเป็นปืนใหญ่ในอนาคต
โรเจอร์ เบคอน บาทหลวง นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้บันทึการทลองินปนคร้งแรกในยุโรป
ด้วยอำนาจการยิงที่รุนแรง เสียงดังเหมือนฟ้าผ่าของมัน ข่มขวัญข้าศึกที่คิดจะต่อต้านมัน ชาติต่างๆในยุโรปเริ่มใช้อาวุธดินปืนกันแพร่หลายมากขึ้น จนกระทั่งถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 เริ่มมีแนวคิดทีว่าทไมไมลอง ย่อส่วนปืนใหญ่ลงให้คนธรรมดานดยสมารถถือได้ ซึ่งถึงแม้ว่าทางฝั่งตะวันออกอย่างจีนจะมีหลักฐานว่าใช้งาน ปืนใหญ่แบบย่อส่วนนี้มาก่อน แต่ยุโรปได้พัฒนาแนวคิดนี้ขึ้นเอง ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใครเป็นผู้เริ่มผลิตมันคนแรก แต่เจ้า ปืนใหญ่ขนาดเหมาะมือหรือที่เรียกว่า “Hand Cannon” ก็ได้ปรากฏโฉมให้โลกเห็น
รูปแบบของปืนยาวในยุคแรกที่เป็นท่อเหล็กกลวงๆและมีรูไว้จุดชนวน 1 รู
ที่มา – https://i.pinimg.com/originals/a7/c3/94/a7c394ac6e67c533674350842a838cd7.jpg
มันคือท่อเหล็กกลวๆ 1 ท่อ ซึ่งมีรู 2 รู รแรกนันเป็นูเล็ๆเอาไว้ใส่ดินปืนอยู่ด้านบนขอท่เห็ก ่วอีกรูนั้นใหญ่กว่ามันคือรูให้กระสุนพุ่งออกไป โดยกระสุนยุคนั้นจะเป็นกระสุนกลมๆทำจากตะกั่ว หรืออาจจะเป็นหัวธนู ซึ่ง “Hand Cannon” นั้นมีผู้ใช้งานแค่ 1 – 2 คนเท่านั้น โดยอาจจะให้คนหนึ่งเป็นคนบรรจุหรืออีกคนเป็นคนยิง หรืออาจจะทำคนเดียวเลยก็ได้ โดยวิธีบรรจุกระสุนคือยัดมันลงไปตรงปลายกระบก ตอกมันเข้าไปลึกด้วยไม้ แ้วใส่ดนปืนตงรูอีกด้าน จากนั้นทำท่าเล็ง โดยอีกคนที่ถือชนวนที่ทำจากเชือกไหม้จะจิ้มไปยังรูที่ใส่ดินปืน (ถ้าไม่มีก็ทำคนเดียว) ดินปืนจะขับกระสุนให้พุ่งไปด้านหน้า
Hand Cannon แบบใช้ 2 คน
ที่มา – https://static.wikia.nocookie.net/deadliestwarrior/images/c/ca/Hand-cannon_14263 _lg.gif/revision/latest/scale-to-width-down/300?cb=20100702150515
อาวุธดังกล่าวค่อนข้างรุนแรงมาก สามารถยิงอัศวินสวมเกราะให้ร่วงจากหลังม้าเลยทีเดียว แต่ข้อเสียของมันก็เยอะมากๆเช่นกัน ทั้งความไม่แม่นยำ เนื่องจากพลปืนนั้นไม่มีหลักหรือศูนย์ปืนให้เล็ง และไม่มีท่ายิงมาตรฐานที่แน่นอน Hand cannon ในแต่ละที่ถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน ึ่งมีางที่กบันทึกไ้ว่ามี้ามจับเหมือนหอก บางอันก็ต้องเอามาพาดบ่าตอนยิง นอจากี้ชวนและกลไกที่ไม่มีคุณภาพซึ่งอาจจะทำให้กระสุนไม่พุ่งออกไป หรือถ้าดินปืนมากเกินก็อาจจะระเบิดคาลำกล้องอันตรายต่อผู้ใช้อีก ถึงอย่างไรก็ตาม ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 ศัพท์คำว่า “ปืน” ก็เริ่มถือกำเนิดขึ้นแล้ว
รูปแบบของ Hand Cannon นั้นไม่แน่นอน ไม่มีท่าการเล็งที่ตายตัว และไม่มีการผลิตที่เป็นมาตรฐาน
ที่มา – https://www.mediastorehouse.com.au/p/629/hand-cannon-11794800.jpg.webp
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ยุโรปที่ทำสงครามแบบไม่หยุดหย่อนก็ไม่หยุดพัฒนาอาวุธดินปืน แน่นอนว่า Hand Cannon ตกยุไปและถูกแทนที่โดยปืนรุ่นใหม่ซึ่ง เสถยรกว่า มัมีระบบไที่เชื่อมกับตัวจุดชนวน ทำให้ผู้ยิงนั้นสามารถรู้ได้่ากะสุจะพุงออกปทางไหน ท่อเหล็กเปล่าๆที่ไม่มีมาตรฐาน ถูกเพิ่มด้วยโครงไม้ที่ พลปืนสามารถใช้มันแนบไหล่ตอนยิงได้ สิ่งนี้ทำให้อาวุธปืนประสิทธิภาพมากขึ้นและกลายเป็นอาวุธหลักของทหารราบในเวลาต่อมา แต่ที่กล่าวมานี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่มี Hand Cannon
Hand Cannon ถูกแทนที่ด้วยปืนรุ่นใหม่ที่มีระบบไกและชนวนที่เสถียรขึ้น รวมถึงมีพานท้ายปืนที่ช่วยในการเล็งได้อย่างแม่นยำ ทำให้มันกลายเป็นอาวุธสังหารที่มีประสิทธิภาพในเวลาต่อมา
ที่มา – https://i.pinimg.com/originals/eb/dc/4d/ebdc4d5db39d28d7b722d597b8e1f4d1.jpg