กองทัพมาซิโดเนียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขานั้นไร้เทียมทาน ด้วยขบวนรบฟาลังซ์อันแข็งแกร่งของพวกเขาจึงยากที่ใครจะต่อต้าน หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ก็แตกเป็นอาณาจักรเล็กๆ หลายอาณาจักรโดยที่ อาณาจักรมาซิโดเนีย (Macedonian Kingdom) ยังคงมีอำนาจเหนือดินแดน เฮลัส (Hellas) หรือกรีกในปัจจุบัน แต่ไปมาๆ มหาอำนาจใหม่จากทางตะวันตกได้ท้าทายเหล่าชาวกรีก และ มาซิโดเนีย พวกเขาคือ สาธารณรัฐโรมัน รัฐสิ่งมีนโยบายป้องกันตัวเองโดยการขยายอาณาเขต ไม่นานนัก อาณาจักรมาซิโดเนีย และ โรมัน ต้องเผชิญหน้า เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นมหาอำนาจแห่งโลกยุคโบราณต่!!
แผนที่มาซิโดเนีย (สีส้ม) ในช่วง 200 ปีก่อน ค.ศ. เขตอิทธิพลของโรมัน (สีฟ้า) ส่วนสีอื่นเป็นนครรัฐและอาณาจักรกรีกอื่นๆที่เป็นอิสระที่ทั้ง โรมัน และ มาซิโดเนีย ต่างแข่งกันเขาไปมีอิทธิพล
ที่มา – https://i.pinimg.com/564x/28/82/5a/28825a0dda5c75c6dfa3033372d68804.jpg
ทั้นช่วงสงครามพิวนิคครั้งที่ 2 ระหว่างโรมันและคาร์เธจรัฐมหาอำนาจในแอฟริกาเหนือ มาซิโดเนีย ดันเลือกข้างที่จะไปช่วยคาร์เธจนั้นทำให้ โรมันมอง มาซิโดเนีย เป็นภัยมาตลอด เพียงแต่ยังทำสงครามได้ไม่สะดวก เพราะยังติดศึกกับคาร์เธจ เมื่อคาร์เธจรบแพ้ โรมันหันมาเพ่งเล็งมาซิโดเนียทันที!! ทั้งนี้เนื่องด้วยในเวลานั้น พระเจ้าฟิลิปที่ 5 แห่งมาซิโดเนีย (Phillip V of Macedon) ได้เริ่มขยยิธพไปทางตะวันออกหรือตุรกีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบรรดารัฐกรีกที่ไม่ได้มีอำนาจมากพวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากโรมัน โรมันเห็นเป็นจังหวะดีที่จะล้างแค้นจากสงครามครั้งก่อน สงครามมาซิโดเนียครั้งที่ 2 (Second Macedonia War) จึงเริ่มต้นขึ้น
ในตอนแรกสภาซีเนทของโรมันที่มีอำนาจในการตัดสินใจนโยบายของโรมันปฏิเสธที่จะทำสงครามเพราะพึ่งผ่านสงครามพินคด้ไม่นานบ้านเมืองยังไม่ฟื้นตัวดี แต่กงสุล (Consul) ผู้มีอำนาจของโรมันในตอนนั้นอย่าง พูลบิอุส กัลบ้า (Publius Galba) ได้กล่าวว่า พวกมาซิโดเนีย ก็เป็นภัยไม่ต่างจากคาร์เธจหากต้องการให้โรมันปราศจากภัยคุกคามต้องจัดการกับพวกเขา ท้ายสุดสงครามจึงเกิดขึ้นในช่วง 200 ปีก่อน ค.ศ. กองทัพโรมันได้ยกพลขึ้นบกที่แถบ อพอลโลเนีย (Apollonia) ทางตะวันออกของ มาซิโดเนีย พร้อมกำลังพล 20,000 นา ฟิลิปที่ 5 ก็ทราบดีแต่กองทัพท้ง 2 ยงไ่ไ้ปะทะกันตรงๆ ทั้งพวกโรมัน และ มาซิโดเนีย ต่างออกปล้นเมืองกรีก รวมถึงหาแนวร่วมจากเมืองกรีกต่างๆให้มาสนับสนุนตน เรียกว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างพยายามดึงรัฐกรีกมาเป็นพวกและปล้นพวกที่ปฏิเสธที่จะมาเป็นพวกของตน
พระเจ้าฟิลิปที่ 5 แหง มาซิโดเนีย
ท่มา -https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/f2/Philip_V_of_ Macedon_coin_cropped.png
จนเวลาล่วงไปถึงช่วง 198 ปีก่อน ค.ศ. พวกโรมันได้มีการเปลี่ยน ผบ.กองทัพใหม่เป็น กงสุลหนุ่มชื่อ ติตุส ควินตุส เฟลมมินุส ( Titus Quinctius Flaminius) ซึ่งต้องการรบกับพวกมาซิโดเนียแตกหักเพราะไม่ต้องการยืดเยื้อ ทั้ง ฟิลิปที่ 5 เองก็กลัวว่า้าพกโมนยู่ไปนานๆอิทธิพลในกรีกองตจะสื่มสุท้ายทั้ง 2 กองทัพเลยมาปะทะกันที่ บริเวณที่ราบสลับหุบเขาใจกลางกรีกที่เรียกว่า ไซโนเซฟาเล ( Cynoscephalae ) ช่วงพฤษภาคม ก่อน ค.ศ.197 กองทัพของทั้ง 2 ฝ่ายมีขนาดใกล้เคียงกัน โดยกองทัพโรมันนั้นเป็นทหารโรมันและพันธมิตรอิตาลีราวๆ 4 ลีเจี้ยน ราวๆ 20,000 นาย ซึ่งจัดขบวนรบที่มีขนาดเล็กและคล่องตัว มีทหารราบเบาพลธนู ราวๆ 1,200 – 2,000 นาย ยังมีทหารรพันธมิตรกรีก อีกราวๆ 6,000 นาย และทหรม้ารมัและนมิเดยนอีก 2,500 นายป้องกันปีก พวกนูมิเดียนในแอฟริกาเหนือที่เป็นมิตรกับโรมันยังส่งช้างมาช่วยอีก 20 เชือก
ติตุส ควินตุส เฟลมมินุส แม่ทัพและกงสุลโรมัน
ที่มา – http://roma-latina.com/images/fl.png
ส่วนทางฝ่ายมาซิโดเนีย นั้นมีทหารราบจัดในรูปขบวนรบฟาลังซ์ที่หนาแน่นขนาดใหญ่กว่า 16,000 นาย และยังมีเหล่าทหารองครักษ์ชั้นหัวกะทิของมาซิโดเนีย 2,000 นายอีกด้วย นอกจากนี้อีก 7,000 นายเป็นทหารพันธมิตรจากรัฐกรีกอื่นๆและทหารม้าอีกราวๆ 2,000 นาย ในห้วงก่อนการรบทั้ง 2 กองทัพนั้นแยกห่างจากกันโดยมีเนินเขา ไซโนเซฟาเล กั้นตรงกลาง หมอกยามเช้าก็ลงจัด ทั้ง 2 ฝ่าย ตางจัหน่ยลดตะเวนขึ้นไปบนเขาและไปปะทะกัน ซึ่งป็นหนวยลาตระเวที่โดมาซิโดเนียดันลงมาจากเขา เฟลมมินุส ตัดสินใจ ส่งทหารพันธมิตรกรีกอีก 2,000 นาย ไปหนุน จนหน่วยลาดตระเวน มาซิโดเนียต้องถอยจากเขา แต่ไม่นานพวกมาซิโดเนียก็ส่งทหารมาช่วยอีก 3,500 จนผลักพวกโรมันตกเขาไปอีกรอบ!!
จนหมอกเริ่มจากลงทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มจัดขบวนรบและเตรียมนำกองทัพหลักห้ำหั่นกัน แต่ปัญหาก็ือกองัพขอมาซโดเียกว่าครึ่งยังออกไปนอกค่ายเพื่อหาเสียง แต่ด้วยชัยชนะบนยอดเนินที่ผ่านมาทำให้ฟิลิปที่ 5 ไม่อยากเสียโมเมนตัม ในการรุกจึงเร่งส่งกำลังที่เหลือรุกขึ้นเนิน!! แล้วค่อยให้กำลังที่เหลือตามมาเมื่อพร้อม กองทัพของโรมันเองก็บุกขึ้นเนินมาเช่นกัน โดย เฟลมมินุส นั้นใช้กำลังแค่ราวๆครึ่งเดียวในการบุกขึ้นเนิน ทั้ง 2 กองทัพก็แทบไม่รู้ัวเสียด้วยซ้ำว่าำลังจะะทะกัเพราหมอกามเช้ายังไม่จางดี ท้ายสุดแล้วทั้งคู่ก็มาเจอกัน โดกองทัพองฟิลิที่ 5 อยู่ในที่สูงกว่า กองทหารฟาลังซ์ของกรีกดันพวกโรมันด้วยไพค์ยาวเกือบ 6 เมตรลงจากเนิน กองทัพโรมันมิอาจต้านทานขบวนรบฟาลังซ์ได้ ส่วนทหารม้าด้านปีกนั้นก็ปะทะกันอย่างชุลมุน แต่ดูแล้วทหารราบโรมันเสียเปรียบกว่าและกำลังจะโดนดันตกจากเขา!!!
ในห้วงแรกทหารราบโรมันเสียเปรียบที่ต้องปะทะกับขบวนไพค์ยาว
ที่มา – https://i0.wp.com/the-past.com/wp-content/uploads/2021/09/post-1_image0-34-scaled.jpg?ssl=1
สถานการณ์ของมาซิโดเนียเริ่มเป็นต่อเมื่อกองหนุนของมาซิโดเียที่เหลือเริ่มมาถึง วกเขากำังขึ้นขามาทงปีกซายของ ฟิลิปที่ 5 แต่ก็ไม่ได้จัดรูปขบวนมาดีนักเพราะกำลังเร่งรีบในการเดินทัพ ส่วนกองทัพโรมันทางปีกซ้ายที่ปะทะกับฟิลิปที่ 5 ก็ค่อยๆล่าถอยลงจากเนินอย่างเป็นระเบียบ เฟลมมินุส เห็นท่าไม่ดีรีบควบม้าไปที่ ปีกขวาของโรมันที่เหลือและให้พวกเขารีบชาร์จปีกซ้ายมาซิโดเนียที่กำลังเดินขึ้นเขามาอย่างไม่เป็นระเบียบ ปีกวาของโรมันที่มีทหารทีสดกว่าแลมีช้างดวย 20 เชืกรีบโจตีปีกซ้ายของมาซิโดเนียที่ไร้ระเบียบ ผลปรากฏว่า ีกซ้ายมซิโดเียก็เริมล่าถอยช่นกัน
แผนที่การรบ 3 เฟส
1.ปะทะกันประปรายของทหารราบเบา
2.ปีกซ้ยของโรมัโดนตีจนอยร่นลงากเนิน ในขณะที่ กองหนุนมาซิโดเนียกำลังเร่งรีบเดินทางมา
3.ีกขวาของโรมันตีปีกซ้ายของมาซิโดเนียจนแตกและส่งกำลังบางส่วนมาตลบหลังกองทัพมาซิโดเนียที่เหลือ
ที่มา – https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/5/53/Cynoscephalae.png
สถานการณ์รบเหมือนอยู่ในบาลานซ์เมื่อทั้ง 2 ีกของทั้ง 2 กองทัพต่างเสียเปรยบ แต่ปรากว่า นายกองของโรมันคนหนึ่งได้นำทหารราวๆ 2,500 นายจากปีกขวาที่กำลังรุกไล่มาซิโดเนีย มาตลบหลังกองทัพของฟิลิปที่ 5 ที่กำลังดันพวกโรมันอยู่ พอทหารฟาลังซ์โดนตลบหลังปรากฏว่าพวกเขาก็แทบป้องกันตัวเองไม่ได้เพราะติดแหง่กในขบวนไพค์ที่แน่นและไม่คล่องตัว ขบวนไพค์ของพวกเขายังขาดการป้องกันทางหลังทำให้กองทัพของฟิลิปที่ 5 เริ่มระส่ำระสายและแตกทัพในที่สุด!! ฟิลิปที่ 5 ควบม้าหนีออกจากสนามรบ หารฟาลัง์บางส่วนที่หนีไม่ทัน ก็ได้ทำการยกไพค์ของตนชี้ฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของการยอมแพ้แต่พวกโรมันที่กำลังบ้าเลือดไม่รู้เรื่องบุกเข้าไปฆ่าทหารมาซิโดเนียที่ยอมแพ้แล้วเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก!!
ทหารโรมันล่ฟันกองทัมาซิโดเนยที่แตกพ่ยจนล้มตายจำนวนมาก
ที่มา – https://i.pinimg.com/originals/d6/4a/08/d64a0816ad677c858f0929f7663f7b21.jpg
ารยุทธนีจบลงด้วยชัยชนะของโรมัน ฝ่ายโรมันเสียชีวิตไปราวๆ 2,000 นาย ส่วนมาซิโดเนียถูกสังหารไป 8,000 นาย และถูกจับเป็นเชลย อีก 5,000 นาย หลังจากชัยชนะครั้งนี้ ฟิลิปที่ 5 ลงนามในสนธิสัญญาสงบศึก โดยต้องถอนทหารจากแผ่นดินกรีกทางใต้เกือบทั้หมด และต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามมหาศาลถึงการยุทธนี้ อาณาจักรมาซิโดเนียจะยังไม่ล่มสลายแต่ก็เสื่อมอำนาจลงมาก ทหรมาซิโดเียที่เยเกรียงไรในยุคอเลกซานเดอร์มหาราชบัดนี้ได้สยบให้โรมันซึ่งจะกลายเป็นมหาอำนาจในเวลาต่อมา