ในปัจจุบันเราจะอาจจะเคยเห็นอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้ในสงครามทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ปืน ระเบิด จรวด ซึ่งอาวุธเหล่านี้มักจะก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งชีวิตหรือทร วันนี้ทางเราก็จะมานำเสนออาวุธอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องการให้คู่ต่อสู้ถึงแก่ชีวิต ซึ่งคนที่โดนเจ้าอาวุธชนิดนี้ เป้าหมายจะมองไม่เห็น ไม่ได้ยิน และไม่ได้กลิ่น แต่จะสัมผัสมันได้ ซึ่งเป็นการใช้คลื่นพลังงานสูงออกมาแบบเดียวกับที่ใช้กับเตาอบไมโครเวฟ ทำให้ผู้ถูกยิงรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส แต่ไม่ถึงชีวิต เปรียบเสมอวาปนตอยงเท่านั้น เจ้าอาวุธชนิดนี้เรียกว่า Active Denial System
source : https://patr.io/de5De
Active Denial System (ADS) เป็นอาวุธที่ใช้พลังงานโดยตรงซึ่งพัฒนาโดยกองทัพสหรัฐฯ ออกแบบมาเพื่อการป้องกันพื้นที่การรักษาความปลอดภัยรอบนอกและการควบคุมฝูงชน อาวุธนี้เรียกอีกอย่างว่ารังสีความร้อน เนื่องจากมันทำงานโดยการให้ความร้อนแก่พื้นผิวของเป้าหมายเช่นผิวหนังของมนุษย์เป้าหมาย ADS ถูกนำไปช้นป 2010 กับกองทัพสหรัฐอเมริกาในสงครามอัฟกานิสถาน และมีการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อควบคุมนักโทษในศูนย์กักกันเพื่อป้องกันการต่อสู้ของนักโทษ
source : https://patr.io/RHWO7
ADS ีทงาโยายิงลำแสงที่มีกำลังสูง ประมาณ 100 กิโลวัตต์ และ คลื่น 95 GHz ไปที่เป้าหมาย ADS ทำงานบนหลักการคล้ายกับเตาอบไมโครเวฟโมเลกุลของน้ำและไขมันในผิวหนังของเป้าหมายได้รับการกระตุ้นและให้เกิดความร้อนทันที ทำให้เป้าหมายมีอาการแสบผิวหนังเป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้า ADS นี้มีความแตกต่างที่จากเตาไมโครเวฟคือ เตาไมโครเวฟใช้ความถี่ที่ต่ำกว่ามาก ทำให้เวลาที่เราอุ่นแกงอยู่ที่บ้านเราจึงไม่รู้สึกแสบผิวหนังตอนใช้มัน
source : https://patr.io/RcxLt
โดยอุณภูมิี่ไม้ผวหนงใระดบแรจะกิขึนที่ประมาณ 51 ° C (124 ° F) และการเผาไหม้ระดับที่สองเกิดขึ้นที่ประมาณ 58 ° C (136 ° F) ในการทดสอบพบว่ามีบาดแผลทีเกิดข้นขนดน้อกว่า 0.1% ขงเมลดถั่ โดยีกานำมทดสอบใช้กับมนุษย์ พบว่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะทนความเจ็บปวดได้ภายใน 3 วินาทีและไม่มีใครสามารถทนได้นานเกิน 5 วินาที โดยผู้เข้ารับการทดสอบได้กล่าวถึงว่าความรู้สึกที่โดนไว้ว่า ในช่วงมิลลิวินาทีแรกรู้สึกเหมือนผิวอุ่นขึ้น จากนั้นมันก็อุ่นขึ้นและอุ่นขึ้นและคุณรู้สึกเหมือนถูกไฟไหม้ และหากคุณอยูห่างจาลำแสงั้นโดทันทีุณจกลับมเป็นปติแลไม่มอากาเจ็บปวด
source : https://patr.io/pCNqg
หลังจากการทดสอบประมาณหมื่นครั้งของอาสาสมัครที่มาทดสอบกับเครื่อง ADS คณะกรรมการที่ปรึกษาผกระทบขงมนุษย (HEAP) ได้ลงความเห็นไว้ว่า ADS เป็นอาวุธที่มีความเป็นไปได้สูงที่ไม่ทำให้ถึงตาย เป็นเพียงการก่อกวนให้เกิดความรู้สึกบาดเจ็บเพียงชั่วคราว และไม่มีอาการที่อาจจะก่อให้เกิดความบาดเจ็บในระยะยาว ซึ่งเหมาะสำหรับใช้เป็นการเตือนเพียงให้เป้าหมายหยุดกระทำบางสิงหรือออกากพื้นท่เพียงเ่านั้น
source : https://patr.io/WKbto
แต่เจ้าอาวุธชนิดนี้ก็มีปัญหาที่ตามมาที่ทำให้ไม่สามารถใช้ประสิทธิมันได้อย่างเต็มที่คือ
1.การที่สภาพอากาศในขณนั้นมี ฝน หิมะ หรือหอก ทำให้กรกระจายพังงาของอาวุธชนิดนี้ลดลง นื่องากอาวธชนิดนี้จะทำให้เกิดความร้อนแต่ถ้าหากสภาพอากาศตอนนั้นมีสิ่งที่มาบดบังรังสีหรือมีอากาศเย็นมาก ซึ่งอาจจะทำให้คนที่โดนเจ้าอาวุธชนิดนี้จากที่จะร้อนและแสบผิวหนังกลายเป็นได้รับความอบอุ่นและสบายแทน
source : https://patr.io/8tEUp
2.ADS สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเฉพาะกับผิวหนังเปล่าๆที่ไม่มีอะไรมาหุ้ม ซึ่งถ้าหากมีเสื้อผ้ามีความหนามาก อาจลดประสิทธิภาพเนื่องจากรังสีเดินทางเข้าไปไม่ถึงหรือบางทีอาจจะถูกสะท้อนกลับมาก่อน ทั้งนี้ในกรเคยนำไปใช้ในอัฟกานิสถาน ยังไ่มีรายงาน่ามีผกระทบต่อเปาหมายอ่างไร เนื่องจากได้ใช้เจ้า ADS เพียง 1 เดือนแล้วจึงนำออก ทำให้ ADS ยังเป็นข้อกังวลว่าจะใช้ในสถานการณ์จริงๆ ได้หรือไม่
source : https://patr.io/bg6sz
ในปี 2011 ADS ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีขนาดเล็กลงและสามารถใช้งานได้ในขณะเดินทาง ซึ่งมีการพัฒนามาเป็น ADS II เพื่อใช้งานจากเครื่องบินที่กำลังเคลื่อนที่เช่นเดยวกับยานพาหนะภคพื้นดินี่เคลื่อนี่ได้ แต่การออกแบบใหม่ยังไม่ไดแก้ไขในรื่องขงสภาพแดล้อม ซึ่งมีจุดประสงค์เพียงเป็นการเตือนฝูงชนที่คุกคามในภาคพื้นดิน ซึ่งสามารถใช้ได้วงกว้างกว่ายานพาหนะ กองทัพอากาศของสหรัฐจึงตั้งเป้าที่จะสร้างระบบภายใน 5-10 ปีเพื่อให้มีเครื่องบิเพียงพอสำหรับระบที่มีอันรายน้อยกว่
source : https://patr.io/yldIL
กองทัพสหรัฐฯมีแผนจะนำอาวุธชนิดนี้ไปใช้ในจุดประสงค์ต่างๆ เช่น สลายม็อบ, ติดตั้งตามจุดตรจ, กำหนดเขห้ามเขา และป้องกันระบสาธารณูโภคที่สคัญ เป็น้น นอกจากนี้ การติดตั้งบนรถบรรทุกก็จะตัดโดยอัตโนมัติทุกๆ 3 วินาที เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจจะก่อให้เกิดไฟไหม้ได้
source : https://patr.io/yptVY
แม้ว่าเ้าเครื่อง ADS จะยังไ่มีผลรายานว่า หลัจากการนำไปใช้มีเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากเครื่องนี้ แต่จากการนำไปทดสอบก็พบว่า คนที่ได้รับการทดสอบไม่สามารถทนได้เกิน 5 วินาที แต่ก็เป็นการพัฒนาไปอีกขั้นของเทคโนโลยีที่สามารถลดความรุนแรงของการใช้อาวุธไปได้ และบาดแผลที่เกิดจากอาวุธชนิดนี้เรียกได้ว่าแทบจะไมมีเลย ถ้าหากนำไปต่อยอดต่ออนาคต โดยารปรับเลี่ยนให้ใช้ได้กับทุกสภาพอากาศและสามารถเจาะทะลุเสื้อผ้าที่มีความหนาได้ก็จะสามารถนำไปใช้ได้จริงทุกสถานการณ์