“นักรบไซเบอร์ “ทหารที่ไม่ใช้ปืนก็ทำให้คุณถึงตาย
เราอาจจะเคยเห็นคนในสมัยก่อนจะสู้รบกันแต่ละทีต้องมีอาวุธเข้าต่อสู้กันแล้วฆ่ากันให้ตายง ถ้าเป็นในสมัยยุคกรุงศรีอยุธยา ก็จะเป็นการสู้รบกันโดยใช้ ดาบ ธนู หอก ต่างๆ ต่อมาในสมัยสงครามโลกอาวุธก็จะเปลี่ยนเป็น ปืน รถถัง เครื่องบินต่างๆ ยิ่งนับวันผ่านไปเทคโนโลยีของมนุษย์มีการก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก จนอาจทำให้ในอนาคตบางทีเราอาจจะตามเทคโนโลยีไม่ทัน
หลังจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้เกิดสงครามเย็นต่อมา เป็นการแข่งขันระหว่าง 2 ขั้วมหาอำนาจระหว่าง ฝ่ายโลกเสรีนำโดยสหรัฐอเมริกาและฝ่ายสภาพโซเวียตหรือประเทศรัสเซียช่วงปี 1945- 1989 โดยแข่งขันเทคโนโลยีอวกาศกัน เป็นช่วงที่มีการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของเทคโนโลยีที่จะเป็นรากฐานสำคัญของสร้างอรธรนษ์าินวลาต่อมา สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตแข่งขันกันด้านเทคโนโลยีอวกาศและส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์เพื่อประชาสัมพันธ์แนวคิดของประเทศตัวเอง แม้การแข่งขันด้านเทคโนโลยีอวกาศจะเริ่มต้นด้วยชัยชนะของสหภาพโซเวียตที่ประสบความสำเร็จในการส่งมนุษย์คนแรกยูริ กาการินขึ้นสู่อวกาศ อย่างก็ตามฝ่ายสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงเมื่อประสบความสำเร็จในาร่งนุย์นแกนล อาร์มสตรองไปเหยียบดวงจันทร์โดยยานอะพอลโล 11
ซ่งกรแ่งันในยุคสงครามเย็นเป็นการแข่งขันกันทางเทคโนโลยีจึงทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่เรื่อยมา ในสมัยก่อนใครที่มีคนมากมีกำลังอาวุธมากจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในโลก แต่ในปัจจุบันคนที่จะมีอิทธิพลมากที่สุดคือคนที่มี ข้อมูล ซึ่งการมีข้อมูลสามารถนำไปใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ ความมั่นคง หรือทางการทหารได้ ดังนั้นการก็บรกษา้อมลจึเป็เรื่องที่สำคัญมาก โยข้อมูลต่างๆจะถูกเก็บไว้ในเซิฟเวอร์และมีการป้องกันที่แน่นหนา โดยประเทศไทยนั้นมีการเก็บข้อมูลปลอดภัยมากเพราะส่วนมาเป็นแบบกระดาษ จึงไม่สามารถเจาะระบบกระดาษนี้ไปได้
ในปัจจุบัน มีการพัฒนาการรบในรูปใหม่ คือ ไซเบอร์สเปซ (Cyberspace) โดยจะทำารเจาะระบบของรัฐบาลฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นการเจาะข้อมูลแบบลับๆ เพื่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งจะทำให้รู้ถึงข้อมูลอีกฝ่ายว่ากำลังจะทำอะไร จะได้มีการเตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้าได้ โดยการโจมตีแบบไซเบอร์สเปซ ส่วนมากจะเป็น กาโจตีทางกายภาพต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น โรงไฟฟ้า, เขื่อน, สนามบิน ตัวอย่างการโจมตี ได้แก่ มัลแวร์ Stuxnet Worm จากปฏิบัติการชื่อ “Operation Olympic Games” (Operation_Olympic_Games,Stuxnet ) ที่เข้าโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของประเทศอิหร่าน ตลอดจนโปรแกรมโทรจัน APT ในรูปแบบต่างๆ เช่น Duqu Worm และ Flame Worm ก็ล้วนมีจุดมุ่งหมายทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศฝ่ายตรงข้ามทั้งสิ้น
สงครามไซเบอร์ (Cyberwarfare) เป็นแทรกซึมไปยังระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย มีจุดประสงค์เพื่อทำลายหรือสร้างความแตกแยก เป็นเหุให้เกิดสงคราม ทีกลายป็นเื่องอันตายตอการฏิบติกรทหาร ทั้งภาคพื้นดิน อากาศ ทะเล และทางอากาศ ในวงการทหารสมัยใหม่ มองว่า ไซเบอร์สเปซ (Cyberspace) คือสนามรบในสงครามไซเบอร์ (Cyberwarfare) ที่ “สารสนเทศ” (Information) กำลังกลายเป็นอาวุธที่สามารถนำมาใช้ในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่ต้องทำสงครามในรูปแบบเดิมๆ
ดังตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจนจาปรากฏารณ์ Arab Spring เป็นปรากฏการณ์การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์โซเชียลเน็ตเวิร์ค เช่น Facebook และ Twitter สร้างกระแสต่อต้านรัฐบาล มีผลกระทบเต็มๆต่อการบริหารงานของรัฐบาล และ มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของผู้นำในระดับประเทศ ในปัจจุบันการโจมตีบุคคลสำคัญสามารถทำโดยผ่านทางระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์โซเชียลเน็ตเวิร์ค โดยวิธีการที่เียกว่า “Social Propaganda” หือ “Cyberbullying” ดยป้อข้อมูลใส่ร้ายป้ายสีบุคคลเป้าหมาย ทำการดิสเครดิตให้บุคคลเป้าหมายเสียชื่อเสียงโดยปล่อยข่าวเท็จ ป้อนข้อมูลเท็จเข้าสู่ไซเบอร์สเปซ ทำให้เกิดความวุ่นวายและข่าวลือต่างๆ มีผลต่อภาพลักษณ์ของบุคคลสำคัญและภาพลักษณ์ของประเทศ
ในปัจจุบันมีหลายชาติกำลังต้องการนักรบไซเบอร์เพื่อป้องกันความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ในระดับชาติ อย่างเช่นสหรัฐอเมริกาต้องการนักรบไซเบอร์กว่า 30,000 คน ดังนั้นการพัฒนบุคลกรที่ีขีดคามสามาถถึงขั้นเป็นนักรบไซเบอร์นั้น ำเป็น้องมีระบบที่ใช้ในการฝึกนักรบไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพ ในรูปแบบการจำลองเหตุการณ์จริง (Real-world Simulation) ระบบจำลองยุทธด้านไซเบอร์ หรือ “Cyber Range” จึงได้ถูกออกแบบมาเพื่อเร่งพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้มีขีดความสามารถในการปฏิบัติงานได้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากขึน แก้ปัญหาระบบการเรียนการสอนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบร์แบบดิมที่น้นไปี่ “See and Hear” แต่ไม่ได้เน้นที่ “Do” หรือ “Practice
ในประเทศสหรัฐ กระทรวงกลาโหม ประกาศยกระดับกองบัญชาการไซเบอร์ เป็นกองบัญชาการ แบเต็มั้น เทีบเท่ากบกองบัญาการรบตามภูมิาคต่าง ทั่วโลก เป็นหน่วยบัญชาการที่มีอำนาจสั่งการหน่วยรบย่อย (ครอบคลุมทั้งกองทัพบก เรือ อากาศ และนาวิกโยธิน) USCYBERCOM เริ่มต้นจากการเป็นหน่วยย่อยของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ National Security Agency (NSA) และล่าสุดคือยกระดับกลายเป็นหน่วยบัญชาการเต็มขั้น
นักรบไซเบอร์นั้นจะไม่เผยตนตัวตนของตัวเองออกมาเป็นมัจจุราชในความเงียบที่สามารถทำให้คุณต้องผวาอยู่ตลอดเวลา ที่เขาไม่เปิดเผยตัวตนออกมาเพราะว่าอาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวว่าคนที่จะทำลายระบบเขาเป็นใครและประเทศในฝ่ายตรงข้ามก็อาจจะส่งคนมาสังารเขา ซึ่งการเสียบุคลากรทางไซเบอร์เป็นการสูเสียเทีบเท่ากับ 1 กองร้ยหรือ 1 กงพันได้เลย เพราะกำลังรบของเขาเพียงคนเดียวอาจจะทำให้ทั้งประเทศสั่นคลอน เนื่องจากนักรบไซเบอร์ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถรู้ว่าโจมตีมาจากที่ใด ตอนเวลาไหน โดยจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อเราได้ถูกโจมตีเข้าแล้ว ฉะนั้นในแต่ประเทศก็ทำได้เพียงป้องกันระบบตนเองให้แน่นหนาทีุ่ด และเก็บความลับข้มูลของนกรบไซเบร์ไว้
โดยในประเทศไทยรัฐบาล คสช. เตรียม ผลิต “นักรบไซเบอร์” รุ่นแรก 200 คนเพื่อรับมือภัยไซเบอร์ โดยให้หน้าที่แก่นักรบไซเบอร์ ไว้ว่าควรมุ่งเน้นการติดตามและป้องกันารละเมิดถาบันและุคคลที่สม และการโมตีระบบคอมพิวเอร์สถาบัต่าง ๆ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ โดยแผนปฏิบัติการของ นักรบไซเบอร์ เบื้องต้นแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ 1. ติดตามเฝ้าระวัง 2. เผชิญเหตุ 3. แก้ไขระบบให้เป็นปกติ และ 4. ฟื้นฟูและพัฒนาระบบ
ก็จะทำให้เราเห็นว่าการรบในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเิง แม้นักรบไซเบอร์ไม่ได้ฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้ตายโดยทันที แต่เปนการตัดกำลังขั้นพื้นฐาน ทให้ประเทศท่โดนโจตีเกิดควมวุ่นวายทั้งประเทศ แต่เป็นการรบที่ใช้เพียงคนน้อยนิด ก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความวุ่นวายไปหมดได้ ซึ่งเป็นการใช้บุคลากรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ฉะนั้นการที่มีกำลังพลเยอะก็สามารถเป็นประเทศที่มีอำนาจได้เสมอไป แต่เป็นการที่ประเทศมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพเยอะต่างหาก