X

ดาวูต์ “จอมพลเหล็ก”ของนโปเลียน

ถ้าพูดถึงนักการทหารในอดีตที่เก่งกาจ ในสมรภูมิต่างๆแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้นำกองทัพเพียงคนเดียว แต่ต้องมีผู้บังคับบัญชาระดับรองที่มีความสามารถที่จะรับผิดชอบภารกิจที่ ผบ.ได้รับมอบหมาย อเล็กซานเดอร์นั้นมีเหล่าสหายร่วมรบและคณะนายทหารกว่า 50 นาย ที่มีชื่อดังทั้ง แอนติโกนัส , ปโตเลมี , เซลูคัส เจงกิสข่าน ก็มี เจอเป หรือ สุโบไต สำหรับนโปเลียนนั้นเขาได้แต่งตั้ง จอมพลแห่งจักรวรรดิ (Maréchal d’Empire) ขึ้นมาถึง 26 นาย ซึ่งล้วนแต่งตั้งตามความชอบ และความสามารถที่ได้กระทำไว้ในอาชีพทหาร และ 1 ในจอมพลของนโปเลียนที่ผมจะพูดถึงในวันนี้และหลายคนยกย่องว่าเป็น 1 ในจอมพลที่มากความสามารถที่สุดของนโปเลียนก็คือ หลุยส์ นิโกลา – ดาวูต์  (Louis-Nicolas Davout)

 

 

จอมพล ดาวูต์

ที่มา – https://alchetron.com/Louis-Nicolas-Davout

 

ดาวูต์ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ.1770 แถบแคว้นเบอร์กันดีในฝรั่งเศส เขาเติบโตในตระกูลชนชั้นสูงผู้น้อย พ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่ ดาวูต์ ยัง 8 ขวบ ในช่วง ค.ส.1788 เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนทหารในปารีส จนช่วง ค.ศ.1791 เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้หมวดในกรมทหารม้าหลวงชองปาญ (Royal-Champagne) ช่วงเวลานั้นเองเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของใครหลายคน เพราะเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ขึ้นมาและเกิดการล้างบางชนชั้นสูง ชนชั้นสูงจำนวนมากในตอนนั้นเลือกสละฐานันดรทิ้งไม่ก็ลี้ภัย ดาวูต์ซึ่งมีพื้นเพเป็นชนชั้นสูงเลยโดนปลดจากกองทัพไปช่วงหนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมาใหม่โดยเป็นได้รับ ยศพันเอกในกองพันทหารอาสา (ทั้งนี้ยศทหารอาสาจะไม่เท่ากับยศทหารประจำการ) เขาได้ทำการรบอย่างกล้าหาญในช่วง ค.ศ.1793 และเมื่อ นายพลของเขาเลือกทรยศฝรั่งเศสไปเข้าข้าง พวกฮับส์บูร์ก ซึ่งกำลังรบกับฝรั่งเศสในขณะนั้น ดาวูต์ปฎิเสธจะฟังคำสั่งนายพลของเขา และเลือกที่จะนำทหารต่อต้านนายพลผู้นั้นจนเขาหนีออกไป!!

 

จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้เลื่อนยศเป็นพันเอกประจำกองทัพประจำการ เขาได้เลื่อนยศเป็นพลจัตวา ดาวูต์นั้นเป็นคนที่มีนิสัย กล้าหาญ เคร่งในระเบียบวินัยมาก  ในช่วงปลาย ค.ศ.1794 และได้คุมกองทหารม้าประจำกองทัพแห่งโมเซลส์ ช่วงนี้เองเขาได้เริ่มเป็นเพื่อนกับนายพล เดสเต้ และ อูดิโนต์ ซึ่งพวกเขา 2 คนนี้ได้กลายเป็นคนสนิทของนโปเลียนในอนาคต เดสเต้ ได้แนะนำให้นโปเลียนรู้จักกับ ดาวูต์ ในช่วง ค.ศ.1798 และได้พาเขาไปรบในอียิปต์ด้วย และเขาโดนอังกฤษจับเป็นเชลยในช่วง ค.ศ.1800 แต่ได้รับการปล่อยตัวในภายหลังเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนเชลยกัน ในระหว่างนี้เพื่อนของเขา เดสเต้ เสียชีวิตในการยุทธที่ มาเรนโก้ ช่วงมิถุนายน ค.ศ.1800 ในปีเดียวกัน ดาวูต์ ได้รับการเลื่อนยศเป็น นายพล ในที่สุด ในขณะเดียวกัน นโปเลียนกลายเป็น กงสุลของฝรั่งเศส และมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ดาวูต์เริ่มกลายเป็นคนสนิทของนโปเลียนมากขึ้น

 

ดาวูต์ ในวัยหนุ่ม

ที่มา – https://en.wikipedia.org/wiki/Louis-Nicolas_Davout#/media/File:Davout_Lt-Col.jpg

 

เขาได้เป็นผู้ตรวจการทหารม้า และเป็น ผบ.กองกำลังเกรนาเดียร์องครักษ์กงสุล เขาได้แต่งงานกับ เอมี เลอแคล์ (Aimée Leclerc) น้องสาวของนายพล เลอแคล์ ซึ่งเขาผู้นี้ก็แต่งงานกับ พอลลีน น้องสาวของนโปเลียนอีกที ทำให้ ดาวูต์ กลายเป็นญาติห่างๆกับนโปเลียน และในปี ค.ศ.1804 เมื่อนโปเลียนเป็นจักรพรรดิ นโปเลียนได้แต่งตั้งดาวูต์เป็น 1 ในจอมพลของเขา ซึ่งถือเป็นกิตติมศักดิ์สูงสุดของทหารและเขายังเป็นจอมพลที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาจอมพลของนโปเลียนทั้งหมดทั้งๆที่ เขาเองไม่เคยบัญชาการกองทัพขนาดใหญ่เลยแม้แต่ครั้งเดียว!! จนมีคนนินทาว่าเขาได้เป็นจอมพลเพราะเส้นนโปเลียน ในช่วงวัย 30 ปลายๆเขาเริ่มหัวล้าน และสายตาสั้นจนต้องใส่แว่น รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูไม่สง่างามเท่าไหร่  แต่เขาเป็นคนดีทีเดียว ดาวูต์นั้นซื่อตรงและไม่เห็นแก่เงินเช่นจอมพลหลายๆคนที่มักแสวงหาความร่ำรวยจากการทำสงคราม การจ่ายเงินเดือนของทหารและสวัสดิการของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขานั้นต้องครบถ้วน ดาวูต์นอนในค่ายกับทหารของเขาตลอด ในขณะที่ จอมพลคนอื่นมักจะออกไปนอนนอกค่าย  ในช่วงนี้เองที่เขาได้เริ่มฝึกทหารของเขาในสังกัด กองทัพน้อยที่ 3 ที่ค่ายบูโลญ

 

ซึ่งกองทัพน้อยที่ 3 ของดาวูต์นั้นกลายเป็น หน่วยที่ฝึกหนักที่สุดและเคร่งวินัยที่สุด พวกเขาฝึกในหลายรูปแบบที่หน่วยอื่นไม่ทำเช่นรบในเวลากลางคืน และผลจากการฝึกนี้เองจะส่งผลในสงครามครั้งหน้า!! เมื่อนโปเลียนได้ทำการรบกับ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกฮับส์บูร์ก และ จักรวรรดิรัสเซีย ในช่วง ค.ศ.1805 กองทัพใหญ่นโปเลียน 220,000 นาย ได้เคลื่อนทัพฝ่าใจกลางเยอรมันบุกเข้าไปล้อมกองทัพฮับส์บูร์ก 80,000 นายอย่างรวดเร็วจนยอมแพ้ ซึ่งกองทัพน้อยที่ 3 ของ ดาวูต์ ก็มีส่วนในนั้น แต่ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก กองทัพส่วนใหญ่ของนโปเลียนราวๆ 70,000 นาย ยังไล่ตามกองทัพพันมิตรต่อไปถึง แถบโมราเวีย ประเทศเช็ก ในปัจจุบันและกำลังทำการรบกับกองทัพพันธมิตรขั้นแตกหักที่ ออสเตอร์ลิตซ์ (Austerlitz) ซึ่งนโปเลียนได้เรียกให้ ดาวูต์ มาช่วยในสมรภูมินั้นด้วย แต่ในตอนนี้เขาพร้อมกับกองทัพน้อยที่ 3 ยังอยู่ที่เวียนนา ซึ่งห่างออกไปราวๆ 80 ไมล์

 

ซึ่งปรากฎว่าดาวูต์ทำได้!! เขานำทหาร 4,000 นายเข้าสมรภูมิได้ทัน โดยใช้เวลาเดินทัพ 80 ไมล์โดยใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้น!! การมาของดาวูต์ทำให้ฝ่ายพันธมิตรไม่คาดคิด เพราะไม่คิดว่าจะมีกองหนุนมาช่วยนโปเลียนในเวลานี้ และเป็นปัจจัย 1 ทำให้กองทัพพันธมิตรพ่ายแพ้ไปในที่สุด หลังจากการยุทธนี้ ดาวูต์ ได้เครดิตมากเลยทีเดียว!! แค่นั้นยังไม่พอในปีต่อมา เมื่อฝรั่งเศสรบกับปรัสเซีย ในการยุทธที่ ออสเต็ท (Auerstedt) 14 ตุลาคม ค.ศ.1806 กองทัพน้อยที่ 3 ของดาวูต์ ราวๆ 27,000 นาย ปะทะกับกองทัพใหญ่ของปรัสเซีย 60,000 นาย!! จำนวนน้อยกว่า 2 ต่อ 1 ด้วยความสื่อสารผิดพลาดระหว่างจอมพลและตัวนโปเลียนทำให้ไม่มี จอมพลคนไหนนำทัพมาหนุนดาวูต์ และเขาต้องสู้อย่างโดดเดี่ยว!

 

ดาวูต์บัญชาการรบที่ ออสเต็ท

ที่มา – https://www.facebook.com/photo/?fbid=3093306610955885&set=gm.4190746637655511

 

 

ทั้งนี้ตอนเช้าของวันที่ 14 ตุลาคม หมอกลงจัดทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมองไม่เห็นซึ่งกันและกันพอพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมองเห็นกันและตกตะลึงกันทั้งคู่ โดยดาวูต์อยู่บนเนินซึ่งสูงกว่า ฝ่ายปรัสเซียไม่เห็นกำลังทั้งหมดของดาวูต์ เลยไม่แน่ใจว่ากองทัพที่กำลังเผชิญอยู่มีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าตน ตอนแรกปรัสเซียได้สั่งทหารม้าชาร์จขึ้นเนินแต่โดนผลักดันตกลงมา และดูเหมือนฝ่ายปรัสเซียยังกล้าๆกลัวๆส่งทหารมาโจมตีเป็นระลอกๆซ้ายทีขวาทีและโดนดันตกลงมาทุกรอบ จนกระทั่งดยุคแห่งบรุนวิกส์ ผบ.กองทัพปรัสเซียโดนยิงเข้าที่ตาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กองทัพปรัสเซียเสียขวัญและถอยในที่สุด!! กองทัพดาวูต์จึงเข้าโจมตีซ้ำและได้รับชัยชนะ โดยเสียทหารไป 7,000 นาย ส่วนปรัสเซียเสียทหารไป 10,000 นาย ชัยชนะครั้งนี้ทำให้นโปเลียนตกตะลึงเช่นกัน ถึงขนาดที่ว่าครั้งแรกที่ได้ยินว่า ดาวูต์ ชนะกองทัพใหญ่ของปรัสเซีย  นโปเลียนถึงกับอุทานว่า “จอมพลต้องตาลายแน่ๆ” เป็นการแซวดาวูต์ว่าเขาสายตาสั้นน่าจะมองว่าจำนวนกองทัพปรัสเซียมีเยอะเกินความจริง

 

เขายังได้มีส่วนร่วมในสงครามปี ค.ศ.1807 และเมื่อสงครามสงบลงเมื่อรัสเซีย ปรัสเซีย ฝรั่งเศส ตกลงกันได้ในสนธิสัญญาทิลซิต ดาวูต์ได้เป็น ผู้ว่าการแห่งวอซอร์ ซึ่งกลายเป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศสในยุโรปตะวันออก และได้เป็น ผบ.กองทัพฝรั่งเศสในเยอรมันในช่วง ค.ศ.1809 ในระหว่างนี้เขาฝึกทั้งกองทัพฝรั่งเศสและกองทัพโปแลนด์ เวลานี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาเป็น ผบ.ที่ฝีมือหาตัวจับยากคนหนึ่ง ดาวูต์มองสถานการณ์ออกได้ทะลุปรุโปร่งและตัดสินใจอย่างฉับไวเด็ดขาด นอกจากนี้ ดาวูต์ ยังสนใจในการข่าวและรวบรวมข่าวสารเพราะเขาต้องการเคลื่อนทัพโดยที่รู้ว่าข้าศึกอยู่ตรงไหนและคิดจะทำอะไร รวมทั้งออกแนวหน้าตลอดเวลาในการบัญชาการ ในการบังคับบัญชาดาวูต์เลือกที่จะไว้ใจผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามหน้าที่และไม่เข้าไปก้าวก่ายจนกว่าภารกิจนั้นจะไม่สำเร็จ และนี้เองคือสูตรสำเร็จของเขา ด้วยการฝึกอันทรหด และ วินัยอันตรึงเป๊ะของเขา ทำให้เขาได้ฉายาว่า “จอมพลเหล็ก”

 

ในช่วงที่เขาประจำอยู่แถบตอนกลางยุโรปเขาได้เฝ้าดูการเคลื่อนไหวออสเตรียตลอด และได้สร้างเครือข่ายการข่าวขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆ และค่อนข้างมั่นใจว่า ออสเตรียจะประกาศสงครามกับฝรั่งเศสแน่นอน และก็เป็นตามคาด เมื่อออสเตรียยกทัพกว่าราวๆ 200,000 นาย รุกรานเยอรมัน แต่กองทัพของดาวูต์ราวๆ 60,000 นาย สามารถหน่วงเวลา ล่าถอยอย่างล่าช้าและคุ้มกันจุดยุทธศาสตร์ต่างๆเพื่อให้กองหลักของนโปเลียนมาช่วยทัน และนโปเลียนมาถึงก็ตีกองทัพออสเตรีย กลับจนพ่ายแพ้อีกครั้ง ดาวูต์ใช้เวลาส่วนใหญ่กับกองทัพในเยอรมันจนช่วง การรุกรานรัสเซีย ค.ศ.1812 นโปเลียนได้นำกองทัพ 600,000 นายรุกรานรัสเซีย ดาวูต์ ได้คุมกองทัพน้อยที่ 1 และได้ทำการรุกไล่กองทัพรัสเซีย แต่ฝ่ายรัสเซียชำนาญในพื้นที่มากกว่า และได้เตรียมการเผาและถางทุกอย่างที่ฝรั่งเศสจะใช้ได้ ทำให้กองทัพจำนวนมหาศาลของฝรั่งเศสเริ่มอดอยาก แถมสภาพอากาศแปรปรวนและสภาพถนนที่แย่ในรัสเซียทำให้ทหารฝรั่งเศสล้มป่วยเป็นจำนวนมาก

 

กองทัพน้อยที่ 1 ของดาวูต์ไล่ตามข้าศึกไม่ทันสักที จนกระทั่งช่วงกันยายน กองทัพฝรั่งเศสลดจำนวนลงมาก กองทัพรัสเซียตัดสินใจสู้ในการยุทธที่โบโรดิโน่ (Borodino) ทางใต้มอสโก ดาวูต์เสนอให้ นำกองทัพน้อยที่ 1 ของเขาอ้อมตลบหลังกองทัพรัสเซีย แต่นโปเลียนกลัวฝ่ายรัสเซียจะหนีไปอีกเลยเข้าตีตรงหน้า สุดท้ายคือฝรั่งเศสสามารถเอาชนะกองทัพรัสเซียได้แต่เสียหายอย่างหนักทั้ง 2 ฝ่าย และนโปเลียนสามารถยึดมอสโกได้ แต่เมื่อนโปเลียนขอสงบศึกฝ่ายรัสเซียไม่ยอมและฤดูหนาวกำลังมาถึง กองทัพนโปเลียนล่าถอยกลับอย่างทรหดท่ามกลางหิมะและทหารม้ารัสเซียที่ตามตอด พอข้ามพรมแดนมาถึงโปแลนด์ทหารนโปเลียนเหลือไม่ถึง 100,000 จากที่ยกไปราวๆ 600,000 นาย

 

 

ดาวูต์เสนอแผนการรบให้นโปเลียนที่ โบโรดิโน่

ที่มา – https://www.pinterest.com/pin/598626975452830099/

 

 

ดาวูต์สายสั้นจึงมักจะใส่แว่นตลอดเวลา

ที่มา – https://yoyo-inspace.tumblr.com/post/109482809975/joachimmurat-fun-fact-marshal-louis-nicolas

 

หายนะนี้ทำให้ชาติพันธมิตรจับมือกันต่อต้านนโปเลียนอีกครั้ง ซึ่งนโปเลียนพยายามสู้อย่างสุดฤทธิ์แต่ กองทัพใหม่ที่รวมมาได้มีแต่ทหารเกณฑ์ใหม่ไม่มีประสบการณ์ ม้าก็ขาดแคลน นโปเลียนรบชนะหลายครั้งแต่ไม่เด็ดขาดและกองทัพพันธมิตรที่มากกว่าก็รายล้อมนโปเลียนและเอาชนะ นโปเลียนได้ในการยุทธที่ ไลพิกซ์ (Leipzig) ค.ศ.1813  ในระหว่างนี้ ดาวูต์ ได้ป้องกันเมืองฮัมบูร์ก (Hamburg) อันเป็นเมืองจุดยุทธศาสตร์ทางเหนือของเยอรมัน ซึ่งเขาตั้งรับอย่างเหนียวแน่นไม่ยอมจำนน จนกระทั่งฝ่ายพันธมิตรบุกไปถึงปารีส และนโปเลียนยอมจำนนในที่สุด เมื่อนั้น ดาวูต์ จึงยอมจำนน และเมื่อราชวงศ์บูร์บองกลับมาครองยุโรปเขาก็เกษียณ

 

พอนโปเลียนกลับมายึดอำนาจจากบูร์บองในช่วง ค.ศ.1815 นโปเลียนให้ดาวูต์กลับมาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีกลาโหม และป้องกันปารีส กระทั่งนโปเลียนพ่ายแพ้ที่วอเตอร์ลูเขาได้ป้องกันปารีสถึงช่วงกรกฎาคม และ ดาวูต์ได้พากองทัพที่เหลือถอยข้ามแม่น้ำลัวร์ ก่อนจะมอบกองทัพทั้งหมดกับสู่ราชวงศ์บูร์บอง เขาถูกริบตำแหน่งทุกอย่างและถูกกักตัวในบ้านจนถึงช่วง ค.ศ.1819 เขาได้รับอภัยโทษและได้รับคืนยศ และได้กลายเป็น 1 ในสมาชิกสภาฝรั่งเศส ใน ค.ศ.1822 เขาได้รับเลือกตั้งเป็น นายกเทศมนตรีประจำเขต ซาวีนิ – ซู – ออง (Savigny-sur-Orge) สุขภาพของเขาย่ำแย่ลงเรื่อยๆเมื่อลูกสาวคนโตของเขาเสียชีวิต และดาวูต์ในเสียชีวิตใน ค.ศ.1823 ปิดตำนาน จอมพลเหล็ก 1 ในจอมพลคู่บารมีของนโปเลียน