ดัชชุน เป็นสุนัขที่กล้าหาญ แข็งแรงและทรหด เป็นมิตรกับเด็ก อีกทั้งยังเป็นสุนัขที่ฝึกง่าย ไม่ดุร้ายและเรียนรู้เร็ว ตัวเล็กๆขาสั้นๆแบบนี้แต่ฉลาด ไอคิวสูง และมีสัญชาตญาณในการล่าดีเยี่ยม เพราะถูกผสมขึ้นมาเพื่อการล่า และติดตามสัตว์บนพื้นดินหรือต่ำกว่า ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายป่า และหนู ทั้งบนดินและใต้พื้นดิน โดยวิธีการดัชชุนจะใช้ขาสั้นๆ ขุดดินเพื่อให้เหยื่อออกมา จากนั้นมันก็จะตามไล่ล่าเข้าไปในโพรงอย่างโหดเหี้ยม
source : https://patr.io/LSQpR
สุนัขพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี ในช่วงปี 1800 ดัชชุนถูกนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านมากกว่านำไปใช้ล่าสัตว์ และดัชชุนได้เป็นที่นิยมในอังกฤษและอเมริกาในช่วงต้นปี 1900 แต่พอในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ดัชชุนหลงเหลืออยู่น้อยมาก เนื่องด้วยเหตุผลทางการเมือง เพราะระหว่างนั้น อและอเมริกา (ฝ่ายพันธมิตร) ได้ทำสงครามกับเยอรมนี (ฝ่ายอักษะ) ทำให้มีกระแสเกลียดชังฝ่ายตรงข้าม บางครั้งผู้ที่เลี้ยงดัชชุนจะถูกตราหน้าว่าเป็น “กบฏ” จึงทำให้ความนิยมเลี้ยงดัชชุนลดลง แต่หลังสงครามครั้งที่ 1 จบลง ความนิยมของดัชชุนก็ได้เพิ่มขึ้นอีกครั้งในประเทศอเมริกาและอังกฤษมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นสุนัขยอดนิยมทั่วโลกอีกด้วย
จริงๆแล้ว บทความนี้ไม่ได้จะมาพูดถึงประวัติของดัชชุนหรือความน่ารักของน้อนๆแต่อย่างใดครับ เรื่องที่เราจะมาอ่านกันหลังจากนี้ มันคือวีรกรรมของเจ้าไส้กรอกในสงครามที่พวกเราไม่เคยรู้มาก่อน ขอให้เราเก็บภาพสุนัขทหารอย่าง German Shepherd ไว้ในกล่งวมิของตัวเองไปก่อนนะครับผม เราจะมาเริ่มกันตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เลยครับ
ดัชชุนถูกใช้เป็นโฆษณาชวนเชื่อในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สุนัขดัชชุนมีส่วนร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 ร่วมกับเยอรมันด้วย พวกมันถูกใช้เป็นสื่อในการโฆษณาชวนเชื่อในหลายๆ สื่อของเยอรมัน และขยายออกเป็นวงกว้างอย่งรวใฐาะ “ุนขแ่งสันติภาพ” และด้วยจักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำในช่วงสงครามขณะนั้น ก็คลั่งไคล้ในตัวดัชชุนมากๆ (ผู้เขียนก็เช่นกัน) ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือจึงยิ่งทวีขึ้นไปอีก
source : https://patr.io/yXVqt
source : https://patr.io/9HyBa
แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่ฝั่งนี้ที่ทำสื่อโดยใช้สุนัขพันธุ์นี้นะครับ เนื่องจากสภาวะสงครามในขณะนั้นประเทศเยอรมนีได้รับแรงกดดันและกระแสความเกลียดชังอย่างหนัก ดัชชุนที่มาจากเยอรมนีก็ตกเป็นเหยื่อทางอ้อมจากสงครามไปด้วย จึงเป็นที่มาของ anti-dachshund propaganda เปรียบเสมือนกับการติดแฮชแท็คแบนในโลกสมัยนี้แหละครับ ซึ่งสื่อต่อต้านดังกล่าวนี้กระจายได้ไแลทัวึกวาสือฝังเยรมัเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น จำนวนประชากรของดัชชุนก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ถัดมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สุนัขดัชชุนไม่ได้ทำหน้าที่แค่ด้านสื่ออย่างเดียว เพราะครั้งนี้ พวกมันจะด้ลงสนาไปพ้อมับหาราบป็นคั้งแก !
สุนัขดัชชุนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญและตายไปจำนวนมากในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยทักษะการดมกลิ่น การขุดที่ยอดเยี่ยม พร้อมกับลักษณะทางกายภาพที่เตี้ยและเรียวยาว มันได้รับหน้าที่ในการตรวจค้นระเบิดและหาอาหารให้กับกำลังพลที่อดอยากอยู่ตลอด
เป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจเป็นอย่างมากคับ เมื่อกำลังพลเยอรันบางลุ่มเิ่มใชยุทธิธีที่สกปรก เนื่องจากสถานการณ์ที่ใกล้แพ้เต็มที ขาดการส่งกำลังบำรุงและยุทธภัณฑ์อย่างหนัก เพื่อไม่ให้เปลืองเสบียงของกำลังพล พวกมันจึงไม่ให้อาหารสุนัขเหล่านี้และปล่อยให้มันหิวโซ หลังจากนั้นจึงมัดระเบิดไว้กับตัวแล้วปล่อยให้มันวิ่งออกไปหาฝ่ายตรงข้ามด้วยความหิวโหยของมัน แล้วก็จุดระเบิดในที่สุด จำวนขงสุัขดัชชุนลดลงอยู่ในขั้นวิกฤตอีกครั้งในสงครามโลกครั้งที่ 2
source : https://patr.io/fLxJ9
นอกจากนั้น สุนัขดัชชุนก็ยังได้รบเกียรติในารสวมมวก pickelhaude ซ่งเป็นสญลักษ์ของบรรดารัฐเยอรมันภายใต้การนำของปรัสเซีย และใช้ในกองทัพเยอรมันตั้งแต่ปี 1842 และยังได้สวนสนามร่วมกับเหล่าทหารอีกด้วย ! ด้วยความคลั่งรักของจักรวรรดิวิลเฮ็ล์มที่มีต่อดัชชุน ดัชชุนจึงได้รับการสวมเครื่องแบบราชการและเข้าร่วมงานต่างๆอีกมากมาย
source : https://patr.ioNSpAX
source : https://patr.io/3SnTz
ความคลั่งไคล้ของจักรวรรดิวิลเฮ็ล์มจนนำสุนัขดัชชุนของตัวเองมาแต่งตัวและพยายามผลักดันให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ และเขาก็ประสบความสำเร็จในการดำรงสุนัขพันธุ์นี้ไว้ หลังจากสงครามสิ้นสุดลง สุนัขพันธุ์นี้ก็กลับมาเป็นที่รักของชาวโลกอีกครั้ง
source : https://patr.io/ojGl8
source : https://patr.io/WpfmH
ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามจนถึงปัจจุบันนี้ครับ พวกเราไม่ได้ใช้สุนัขพันธุ์นี้ในการทหารอีกต่อไป เราจึงไม่รู้กันว่ามันเคยเป็น 1 ในสายพันธุ์สุนัขทหารที่เคยรบคู่เคียงบ่าเคียงไหล่ทหารมา ไม่แปลกใจครับทีเราจะจำภาพสุนัขทารในรูของ German Shepherd เพราะดัชชุนไม่ได้ทำหน้าที่ในส่วนนี้มานานมากแล้ว ด้วยลักษณะที่โดดเด่นของมัน ดัชชุนกลายมาเป็นสุนัขผู้นำแฟชั่นและเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมในกลุ่มคนทั่วไป รวมถึงบุคคลสำคัญและตัวผู้เขียนเองด้วยครับผม